นานาทัศนะ : แรงงานผนึกพลังสังคมขับเคลื่อนความเป็นธรรมในวิกฤติโควิด
แรงงานผนึกพลังสังคมขับเคลื่อนความเป็นธรรมในวิกฤตโควิด มานิตย์ พรหมการีย์กุล ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ข้อกังวลของแรงงานคือตอนนี้นายจ้างเริ่มจะมีผลกระทบจากยอดการผลิตการส่งออกลดลงเกิน 50% เกือบทุกบริษัท ทั้งผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ หลายบริษัทให้พนักงานหยุดงาน โดยเฉพาะพนักงานซับคอนแทรคให้ส่งกลับต้นสังกัดแต่ไม่ได้บอกว่าเลิกจ้าง ทำให้พนักงานกลุ่มนี้ซึ่งหลายคนทำงานมา 6-7 ปี จะไปฟ้องศาลแรงงาน แต่นิติกรบอกฟ้องไม่ได้เพราะยังไม่ถูกได้เลิกจ้าง ทำให้ฟ้องศาลเพื่อเอาเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2541ไม่ได้ พนักงานที่ถูกส่งกลับบริษัทซับคอนแทรคก็ไม่มีระยะเวลาแน่นอนว่าจะเรียกให้มาทำงานเมื่อใด ส่วนพนักงงานประจำ มีปัญหาจากการที่มีกฎกระทรวงเรื่องเหตุสุดวิสัย คือสถานประกอบการไม่สามารถดำเนินกิจการได้หรือไม่สามารถผลิตได้เป็นบางส่วน แต่นายจ้างได้ให้พนักงานหยุดงานบ้างมาทำงานบ้างโดยที่สายการผลิตยังทำงานอยู่จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ของกฎกระทรวง กลุ่มนี้ไม่ชัดเจนว่าจะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายและยังไม่รู้ว่าจะถูกเรียกเข้ามาทำงานเมื่อใด ส่วนพนักงานอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องออกไปเลย ต้องตกงานโดยไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ในส่วนของภาคแรงงานจึงต้องเชื่อมโยงประสานความร่วมมือกับภาคเครือข่ายสังคม ทั้งองค์กรพัฒนาเอกชน อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการอิสระ ซึ่งต่างก็ได้รับผลกระทบ ภาคีสังคมแรงงานสู้วิกฤตโควิด เป็นการรวมกันของหลายๆภาคส่วนที่เวลามาประชุมหารือได้เอาหลายความคิดมารวมกันทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย ถือว่าเป็นประโยชน์มาก แต่การที่จะนำผลสรุปไปเสนอต่อรัฐบาลก็ต้องให้รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของภาคีด้วย วิจิตร ดาสันทัด ประธานสหพันธ์แรงงานธุรกิจโรงแรมและบริการภูเก็ต ข้อกังวลห่วงใยคือลูกจ้างไม่มีกินไม่มีใช้ จะทำให้ชีวิตพวกเขายากลำบากและเป็นปัญหาสังคมตามมามากมาย ในจังหวัดภูเก็ตก็ได้รับผลกระทบจำนวนหลายแสนคนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คือกระทบกับครอบครัวของลูกจ้างซึ่งภูมิลำเนาอาจไม่ได้อยู่ที่ภูเก็ตต้องเดือดร้อนไปด้วย ภาคีสังคมแรงงานสู้วิกฤตโควิดที่ทำกันขึ้นมา เพื่อระดมความคิดเห็นสะท้อนปัญหาที่ตรงเป้าตรงประเด็นสู่ผู้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดอย่างฉับไว ส่วนในการฟื้นฟูเท่าที่ได้ติดตาม คาดว่าจะได้การช่วยเหลือทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่จะก่อให้เกิดการจ้างงาน ก่อให้เกิดการซื้อขายเงินสะพัด จึงเสนอว่าให้เร่งทำให้เร็วเพราะยิ่งช้าปัญหาจะยิ่งลุกลามบานปลาย แต่ทำเร็วก็อยากให้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช้แก้แบบหว่านแหสะเปะสะปะไปเรื่อย เงินมีน้อยอยู่แล้วถ้านำไปใช้จ่ายผิดประเภทหรือผิดทาง ก็จะทำให้การช่วยเหลือมาไม่ถึงผู้เดือดร้อนโดยตรง ศิริจรรยาพร แจ้งทองหลาง เลขาธิการสหภาพแรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ความกังวลต่อสถานการณ์คือจะมีการปรับลดขนาดองค์กรลงในอนาคตอย่างแน่นอน […]