คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) ร่วมกับ กลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ จัดเวทีเสวนาสรุปบทเรียนในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ และก้าวต่อไปของการช่วยเหลือคนงานที่ได้รับความเดือดร้อน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ณ ใต้สะพานข้ามแยกอ้อมน้อย มีสมาชิกของสหภาพแรงงานและผู้ใช้แรงงานในพื้นที่รวมทั้งประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานประมาณ 400 คน ภายในงานมีการจัดนิทรรศการการดำเนินงานของศูนย์ฯ และมีการแสดงดนตรีโดยวงภราดรก่อนเริ่มงานเสวนา รวมทั้งการแจกถุงยังชีพให้กับทุกคนตอนปิดงาน และถือเป็นการปิดศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 15 ธันวาคม 2554 ภายใต้การสนับสนุนของแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สสส. โดยโอนภารกิจการช่วยเหลือคนงานที่มาร้องเรียนจำนวนมากให้กลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ และคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ดำเนินการต่อไป
นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ว่า การจัดตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือแรงงานเริ่มในวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย มีการเปิดรับบริจาคสิ่งของจากประชาชนและพี่น้องผู้ใช้แรงงานเพื่อนำไปช่วยเหลือคนงานที่ จ.อยุธยา การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเริ่มที่บางปะอิน จ.อยุธยา เมื่อ 15 ตุลาคม จนมาถึงพื้นที่สมุทรสาครและนครปฐม เริ่มเปิดศูนย์วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ภายใต้โครงการ เครือข่ายความช่วยเหลือและฟื้นฟูแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยการสนับสนุนของแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สสส. มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1.เพื่อช่วยเหลือแรงงานและประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ และใกล้เคียง ในการดำรงชีพ
2.เพื่อรับปรึกษาปัญหาด้านแรงงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้สิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ ไม่ได้รับค่าจ้าง ถูกเลิกจ้าง ฯลฯ
3.ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กรแรงงาน และองค์กรภาคประชาชน
4.จัดทำข้อมูล และสื่อสารให้กับผู้ใช้แรงงาน ประชาชน ให้รับรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์
5.จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านเวทีเสวนา บทสรุปการดำเนินงานของศูนย์ฯ และก้าวต่อไปของการช่วยเหลือ มี น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายโสภณ ทองโสภา ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กล่าวว่า มาทำงานเพื่อช่วยผู้ใช้แรงงานและชาวบ้านที่เดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีทะเบียนบ้านทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเท่าที่ควร โดยศูนย์ได้จ่ายถุงยังชีพช่วยเหลือไปทั้งสิ้นประมาณ 3,000 กว่าถุง ซึ่งการช่วยเหลือก็มาจากหลายที่ เช่นบริจาคผ่าน คสรท. องค์กร ICA จากญี่ปุ่น จากภาคเอกชนเช่น บริษัทโยซึ บริษัทร่วมกับสหภาพแรงงาน วาย เอส ภัณฑ์ จากสื่อมวลชน เช่น ไทยพีบีเอส ช่อง 3 และมีการแจกแบบสอบถามไปตามห้องเช่า หอพัก เพื่อรวบรวมข้อมูลในการเข้าไปช่วยเหลือได้ทั่วถึง
นายคงฤทธิ์ งามสง่า คณะทำงานอาสาสมัครในพื้นที่อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของคนจำนวนมาก บางพื้นที่แออัดมากซอยลึกเข้าไปไม่ถึง คนที่อยู่ต้นซอยมีโอกาสได้รับถุงยังชีพมากกว่าคนที่อยู่ท้ายซอย บางคนไม่เข้าใจว่าทำไมมาช่วยเหลือล่าช้า ถูกต่อว่าเพราะคิดว่าเป็นหน่ายงานของภาครัฐ ส่วนการเดินทางของชาวบ้านลำบากมาก บางคนไม่มีที่เดินต้องใช้ไม้พาดหน้าต่าง บางคนต้องออกมาทำงานได้ค่าจ้างวันละ 200 กว่าบาท เสียค่าจ้างเรือวันละ 100 บาท ถ้าไม่มาทำงานบริษัทก็จะเลิกจ้าง ส่วนการเข้าช่วยเหลือบางพื้นที่น้ำท่วมแต่เป็นน้ำตื้นเรือเข้าไปไม่ได้ก็ต้องใช้รถลุยน้ำไป
นายมงคล ยางงาม คณะทำงานอาสาสมัครในพื้นที่อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กล่าวว่า สภาพปัญหาของคนงาน เช่น บ้านน้ำท่วม สามีภริยาเป็นคนงานทั้งคู่ ต้องแบ่งหน้าที่กันคือให้สามีไปทำงาน ส่วนภริยาต้องอยู่เลี้ยงลูก เป็นเหตุให้นายจ้างของภริยาจะเลิกจ้าง มีข้อสังเกตคือคนงานที่ทำงานอยู่ในโรงงาน ส่วนใหญ่ที่ไม่มีสหภาพแรงงานจะพบปัญหาว่าบริษัทฯ จะไม่จ่ายค่าจ้างเลย บางทีก็อาศัยโอกาสที่ลูกจ้างหยุดงานบอกว่าเป็นการขาดงานทั้งที่ลูกจ้างลางานเนื่องจากน้ำท่วม
นายเจามินไน (ไนสามหรือ เคเค ) อาสาสมัครแรงงานข้ามชาติ กล่าวว่า ในการให้ความช่วยเหลือได้ดูแลแรงงานข้ามชาติจำนวน 137 คนที่อยู่ในหมู่บ้านย่านพุทธมณฑลสาย 5 ที่ออกมาซื้ออาหารไม่ได้เนื่องจากน้ำท่วมสูง และไม่ได้รับถุงยังชีพ จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือมาที่ศูนย์ช่วยเหลือฯ นี้ทำให้คนงานได้มีอาหารกิน
นางทิพวรรณ บุญยืน เจ้าของบ้านเช่าเพิ่มสุข ซอยสุวรรณเก้าแสน กล่าวว่า เมื่อน้ำท่วมที่บ้านเช่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆของรัฐ เลย เพราะคนส่วนใหญ่ที่อยู่เป็นคนงานที่เช่าบ้านซึ่งจะไม่มีทะเบียน เมื่อมีการแจกถุงยังชีพคนงานออกไปรับ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าต้องเป็นคนที่มีทะเบียนเท่านั้นถึงจะได้รับ ก็เลยเกิดความเห็นใจและรู้สึกว่าคนงานก็เป็นคนที่เดือดร้อนเหมือนกัน “ทำไมต้องมีทะเบียนบ้านด้วยหรือถึงจะได้รับความช่วยเหลือ” คนงานเหล่านี้เช่าบ้านอยู่ด้วยกันมานาน เห็นปัญหาแบบนี้แล้วจึงคิดว่าต้องช่วยเหลือกัน ไม่เก็บค่าเช่าในช่วงน้ำท่วม ได้เจอพี่โสภณ พี่คงฤทธิ์ เข้าไปสำรวจ จึงประสานขอถุงยังชีพจากศูนย์ช่วยเหลือฯ และยังได้ช่วยทำเอกสารขอเงินช่วยเหลือน้ำท่วมด้วย
นางสาวชนญาดา จันทร์แก้ว ฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ กล่าวว่า มีคนงานจากทั้งหมด 52 บริษัทเข้ามาร้องเรียนที่ศูนย์ รวมเป็นคนงานที่ได้รับความเดือดร้อนประเมินเฉพาะจากผู้มาร้องเรียนมีจำนวนประมาณ 6,000 กว่าคน ซึ่งประเด็นที่ร้องเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง ไม่จ่ายค่าจ้าง นายจ้างปิดงานโดยไม่มีกำหนด เลิกจ้างอ้างว่าขาดงานทั้งที่บ้านของลูกจ้างประสบภัยน้ำท่วม จากการรับเรื่องพบปัญหาว่าคนงานไม่กล้าเปิดเผยชื่อในการดำเนินการเรียกร้องสิทธิ มีเพียง 77 คนที่ร้องเรียนให้ดำเนินการ
นายตุลา ปัจฉิมเวช ฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ กล่าวว่า จากการรับเรื่องร้องทุกข์ สามารถแบ่งแนวทางการให้ความช่วยเหลือได้เป็น 2 แบบคือ
การร้องตาม มาตรา 139 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นการร้องทุกข์โดยการแจ้ง
เหตุให้พนักงานตรวจแรงงานเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีลูกจ้างไม่เปิดเผยชื่อขอให้ศูนย์เป็นผู้แจ้งเหตุให้
กับการร้อง ตามมาตรา 123 คือ การที่ลูกจ้างยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน หรือ คร.7 กรณีลูกจ้างยินดีเปิดเผยชื่อ
และเพิ่มเติมประเด็นการร้องเรียนจาก น.ส.ชนญาดาว่า ยังพบปัญหาที่นายจ้างไม่ได้ประสบภัยน้ำท่วมจริง หรือประสบภัยแต่ไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่อาศัยเหตุการณ์นี้มาเป็นข้ออ้างสั่งปิดงาน บางที่ก็จ่าย 75% บางที่ก็ไม่จ่ายเลย เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ต้องมาพิสูจน์กัน
นางสาวสงวน ขุนทรง ผู้ประสานงานกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กล่าวขอบคุณคณะทำงานศูนย์ช่วยเหลือฯ ที่ทำงานกันอย่างทุ่มเท เห็นถึงน้ำใจและความเหน็ดเหนื่อยของทุกคน และกล่าวว่าในฐานะผู้ประสานงานของกลุ่มสหภาพฯ ปัญหาเรื่องร้องทุกข์ที่ทางศูนย์ช่วยเหลือฯ ได้รับมาจากคนงาน ทางกลุ่มฯก็มีฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ซึ่งคงมีภาระหน้าที่ที่ต้องดำเนินการต่อไปเท่าที่จะสามารถทำได้
นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า ต้องมีการรวบรวมข้อมูลปัญหาจากศูนย์พื้นที่ทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม เพื่อนำปัญหาต่างๆ เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้มีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาของแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมต่อภาครัฐไปบ้างแล้ว
นักสื่อสารแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ รายงาน