อาคารเก่าของชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน เดิมเป็นศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนที่ไม่ถูกใช้งานมาหลายปี วันนี้ถูกทาสีใหม่ หลายไม้ หลายมือ ถูกหยิบยื่นช่วยเหลือกัน จัดแจง ตกแต่ง เพื่อฟื้นชีวิตให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์เลี้ยงเด็กของชุมชนมักกะสัน
สุมิตรา วุฒวารี ประธานชุมชนวิศวะ ริมทางรถไฟ “ศูนย์เลี้ยงเด็กใกล้บ้านทำให้พ่อแม่ที่ต้องไปทำงานมีที่ฝากลูกที่ไม่แพง และเด็กยังได้รับการพัฒนาทักษะ เริ่มแรกคงใช้พี่ ป้า น้าอาในชุมชนมาช่วยกันดูแลเด็กไปก่อน”
ชุมชนมักกะสันมีเด็กเล็กประมาณ 30 ถึง 40 คน ซึ่งเป็นลูกของผู้ใช้แรงงานราคาถูกที่มารับจ้างในเมืองใหญ่ ทั้งคนไทย และคนต่างชาติรายได้เพียงวันละ 200 ถึง 300 บาท เมื่อต้องแบ่งส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าจ้างเลี้ยงดูลูกหลาน จึงทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ได้รับผลกระทบไม่น้อย กลุ่มเพื่อนแรงงานจึงได้พูดคุยกับคนในชุมชนมักกะสัน เพื่อปรับปรุงอาคารแห่งนี้ให้เป็นศูนย์เลี้ยงเด็กในชุมชนซึ่งจะเป็นทางอีกทางเลือกที่มีราคาถูก ปลอดภัย เด็กๆ ในศูนย์จะได้รับการดูแลโดยผู้ใหญ่ในชุมชนเอง
บุลากรธรรมมาภานนท์ เลขาธิการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย “พื้นที่มักกะสัน เป็นพื้นที่กว้างมีเด็กเล็กจำนวนมาก แม้มีศูนย์เลี้ยงเด็กตรงชุมชนริมคลองแสนแสบมีแต่ไม่เพียงพอ ชุมชนวิศวะ ริมทางรถไฟมีอาคารเก่าที่เหมาะเป็นศูนย์เลี้ยงเด็ก จึงร่วมมือกับชุมชนช่วยกันซ่อมแซมอาคาร เพื่อทำเป็นศูนย์เลี้ยงเด็กซึ่งไม่ใช่เฉพาะลูกของพนักงานรถไฟ แต่เป็นของชุมชน”
สพรั่ง มีประดิษฐ์ ประธานกลุ่มเพื่อนแรงงาน “กลุ่มเพื่อนแรงงาน เห็นความสำคัญการให้การศึกษากับเด็กก่อนวัยเรียน และอยากให้พื้นที่ชุมชนทุกแห่งมีศูนย์เลี้ยงเด็ก เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กด้วย”
พ.ต.ต.อดิศัย สุภัทโรภาสพงศ์ สถานีตำรวจรถไฟ “การที่มีการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนนั้นถือว่า ช่วยให้เด็กได้รับการศึกษา ส่งเสริมการพัฒนาทางสมอง สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับเด็ก เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชุมชน”
แม้วันนี้ที่นี่ยังขาดอุปกรณ์อีกจำนวนมาก เพื่อทำให้ศูนย์เลี้ยงเด็กของชุมชนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่นี่ก็เป็นก้าวเล็กๆ ที่คนในชุมชนช่วยเหลือกันเพื่อสร้างสวัสดิการให้กับชุมชนตนเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมที่ดี เหมาะสำหรับการเรียนรู้ของลูกหลานแห่งชุมชนมักกะสัน
นักข่าวพลเมือง เครือข่ายนักสื่อสารแรงงาน รายงาน