ความหวังก่อนเลือกตั้งกับค่าจ้าง 300 บาท

โดย นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่

จากการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา  มีหลายพรรคการเองที่ชูนโยบายหาเสียงด้านแรงงาน  เช่น  การปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงาน  ทำให้คนงานเกิดการตื่นตัวออกไปใช้สิทธิการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก  เพราะหวังว่า พรรคการเมืองที่ตนเลือกจะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้  พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะการเลือกตั้งเพราะมีนโยบายซื้อใจคนงานคือปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ  300  บาท  ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล 

ทำให้หลายฝ่ายจับตาดู  ว่าใครจะมาเป็นเจ้ากระทรวงแรงงาน  แต่ความหวังของคนงานเริ่มทำท่าว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน  หลังจากการประกาศนโยบายเมื่อวันที่  23  สิงหาคม  2554  ณ  อาคารรัฐสภา โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรับมนตรี  เป็นผู้อ่านนโยบายด้านแรงงานในข้อ  1.8.2 ว่า  “แรงงานต้องมีรายได้เป็นวันละไม่น้อยกว่า  300  บาท”  ซึ่งเป็นการบิดเบือนคำมั่นสัญญาที่หาเสียงไว้ ส่อแววว่า จะเป็นเพียงคำหวานตอนหาเสียงไว้  พอได้ฟังแล้วนึกถึงคำพังเพยที่ว่า “ ลิ้นไม่มีกระดูก”  มันเป็นอย่างนี้นี่เองสามารถพูดกลับไปกลับมา   แล้วอย่างนี้ประชาชนคนจนๆ  จะไปหวังพึ่งใครได้  เมื่อมีกระแสข่าวจากแรงกดดันของขบวนการแรงงานที่ออกมาร้องทัก เรื่องนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้าง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ประกาสจะปรับค่าจ้างขึ้นเพียง 7 จังหวัดเท่านั้น

จากการสำรวจสอบถามคนงาน

1.มีความเห็นอย่างกับการแถลงนโยบายรัฐบาล  เรื่องการปรับค่าจ้าง

Ø  หาเสียงไว้กับประชาชนอย่างไรก็ควรจะปฏิบัติตามที่ได้พูดไว้

Ø  มีการบิดเบือนคำพูด  มาเป็นแรงงานมีรายได้เป็นวันละไม่น้อยกว่า 300 บาท

Ø  จะเป็นวิกฤตของแรงงานไทยหรือไม่  ถ้าจ้างแรงงานไทย  นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งแรงงานข้ามชาติไม่ต้องจ่ายถึง 300 บาท คนงานไทยจะมีงานทำอยู่หรือเปล่า

Ø  รัฐบาลต้องควบคุมราคาสินค้า  ค่าแรงยังไม่มีการปรับขึ้นแต่ของกินของใช้ปรับขึ้นหมดแล้วในตอนนี้  เช่น  เนื้อหมู  จากราคา กิโลกรัมละ  120  บาท  ตอนนี้เป็น  160  บาท

Ø  ราคาน้ำมันที่มีปรับลดราคาในระยะสั้น 6 เดือน

Ø  รัฐบาลไม่มีการสนับสนุนให้คนงานมีความรู้เรื่องสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

Ø  กระทรวงแรงงานได้รัฐมนตรีที่มาดำรงตำแหน่งไม่เคยมีบทบาทในด้านแรงาน  ไม่รู้ปัญหาของแรงงาน มาก่อน

////////////////////////////