15 ปีชัยชนะที่ได้มาด้วยการสูญเสีย…
โดย สมบุญ สีคำดอกแค 8 พฤศจิกายน 2553
ณ.ศาลแรงงานกลาง8 พฤศจิกายน 2553 ผู้ป่วยทุกคน มุ่งหน้ามาศาลกันอย่างพร้อมเพียงและตั้งใจมากที่สุดเพราะรอวันนี้มานานแล้ว คนป่วยที่เป็นผู้สูญเสียสมรรถภาพปอด เกือบ 30 คนจากจำนวน 37 คน ที่เหลือไม่สามารถมาศาลได้ กับ ติดต่อไม่ได้ สีหน้าของทุกคนที่มาศาลวันนี้ดูจะซูบซีด มีความกังวลใจ เพราะนอนกันไม่หลับ แต่ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้เตรียมใจมาพร้อมที่จะน้อมรับคำพิพากษาในวันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป กับ 15 ปีที่ผ่านมาด้วยความทุกข์ยากลำบาก เพราะการต้องสูญเสียสุขภาพ ขาดอาชีพและรายได้ที่จะมายังชีพ เยียวยารักษาตัวอย่างต่อเนื่อง หลายคนต้องอยู่อย่างยากจนอนาถา เป็นทุกข์และท้อแท้ บางครั้งต้องร้องไห้ให้กับตัวเองกันมาหลายหน เพราะเมื่อหาหนทางออกไม่ได้หรือต้องล้มป่วยมากๆ กับการไม่มีเงินที่จะมาเยียวยารักษา แต่ด้วยความเด็ดเดี่ยวเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะสู้ ทุกคนก็ต้องอดทน แต่หลายคนก็อดคิดไม่ได้ว่า พวกเราคนป่วยจะมีลมหายใจอยู่จนถึงวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาฎีกาหรือไม่
แต่แล้ว…8 พฤศจิกายน 2553 14.00 น.พอศาลท่าน อ่านคำพิพากษาฎีกาที่ฝ่ายจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่า โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์ไม่ได้ป่วยเป็นโรคบิสซิโนซิสทุกคน และผ้าปิดจมูกที่จำเลยจัดให้ได้มาตรฐานแล้ว จำเลยมิได้ฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องความปลอดภัย นั้นเป็นคำอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พรบ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54และวินิจฉัยว่าแม้ฝุ่นฝ้ายซึ่งเป็นวัตถุอันตรายและเป็นมลพิษรั่วไหลหรือแพร่กระจายภายในโรงงานของจำเลย (ไม่จำเป็นต้องรั่วไหลหรือแพร่กระจายออกไปนอกโรงงาน) ก็ถือว่าเป็นการแพร่กระจายของมลพิษตามบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว จำเลยเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษจึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 96 ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ทุกคนดีใจมีความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ภารกิจแห่งการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนคงจะนอนตายตาหลับเสียที เพราะได้ทำหน้าที่มาถึงเส้นชัยแล้ว เกือบทั้งชีวิตทีเดี่ยวที่พวกเราไม่เคยคิดคาดฝันว่าชีวิตจะต้องมามีภาระที่หนักหนาสาหัสอย่างนี้ แต่เพื่อความถูกต้อง และความจริงที่จะให้สังคมและเพื่อนพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้รับรู้ว่า หากเราต้องเจ็บป่วยแล้วนั้น เราควรได้รับสิทธิ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่สิทธิจะวิ่งมาหาเราเอง แต่ เราต้องต่อสู้ด้วยความอดทน พร้อมเพียงและมีความเข้มแข็งมากพอ..และศาลก็ยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายจริงๆ ขอขอบคุณในความเป็นธรรมที่ศาลพิพากษาฎีกา มาให้พวกเราชนะคดี เงินก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับจากคำพิพากษา แต่สิ่งที่เราได้กลับคืนมา คือ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และคนที่กระทำผิดก่อมลพิษก็ต้องชดใช้
ในนามตัวแทนโจทก์ที่ ต้องขอขอบพระคุณทุกๆกำลังใจ ที่มีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย มีกำลังใจยืนหยัดต่อสู้ มาจนถึงชัยชนะวันนี้ .