คณะทำงานสวัสดิการเด็กเล็ก ยื่นนายกและฝ่ายค้าน ผลักนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า

เดินสายเข้าพบพรรคการเมือง ทวงนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า หลังพบในนโยบายรัฐบาลไม่มีบรรจุไว้ เหมือนไม่เห็นคความสำคัญของเด็ก เริ่มจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำรัฐบาล จากนั้นพบพรรคก้าวไกลเพื่อให้ช่วยอภิปรายทวงถามให้รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับเด็กด้วย จากนั้นยื่นต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยหาเสียงนโยบายสวัสดิการเด็กเล้กถ้วนหน้า คือพรรคประชาชาติ พรรคพลังประชารัฐ วันต่อมาเดินสายต่อที่พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเจ้ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย

            วันที่ 7 กันยายน 2566 คณะทำงานสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 342 องค์กร ทั่วประเทศ ได้ยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับหนังสือแทน เพื่อขอให้รัฐบาลมีนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ในการแถลงนโยบายด้วย

            เดินหน้ายื่นข้อเสนอต่อพรรคก้าวไกล หวังช่วยดันนโยบายสวัสดิการเด้กเล็กถ้วนหน้า

            จากนั้น ตัวแทนคณะทำงานสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 342 องค์กร ทั่วประเทศ นำโดยอาจารย์สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน คุณครูต้อ (ศีลดา รังสิกรรพุม) มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์ฯ และคุณสุจิน รุ่งสว่าง ประธานศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ ได้เดินทางไปที่รัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลพร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคก้าวไกลหลายสิบคนมาร่วมกันรับหนังสือข้อเสนอดังกล่าว

            โดยนางสุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานฯ กล่าวว่า ได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับการดูแลเพื่อส่งเสริมให้มีการดูแลเด็กเล็กให้ดีขึ้นจากการสำรวจสถานการณ์เด็กปฐมวัยทั่วประเทศ จากคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ที่มีอยู่ทุกภูมิภาค และจากงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ และได้นำเสนอต่อทุกพรรคการเมือง เมื่อก่อนการเลือกตั้ง โดยมีข้อเสนอ

1. ให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็กถ้วนหน้า ทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์ จนถึงอายุ 6 ปี คนละ 3,000 บาท/เดือน

2. ขยายสิทธิลาคลอด เป็น 180 วัน เพิ่มระยะให้แม่และพ่อได้เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด และเชื่อมต่อไปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้รับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน

3. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน รับช่วงต่อจากพ่อแม่ที่ลามาเลี้ยงดูลูกได้ 180 วัน มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิถีชีวิตของพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ทำงาน

4. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีจำนวนมากพอ กระจายตัวใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน  หลากหลายรูปแบบ  และมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าถึง เพื่อได้รัการดูแลพัฒนา ในด้านโภชนาการ การเรียนรู้อย่างสมวัย เป็นต้น รับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน รับช่วงต่อจากพ่อแม่ที่ลามาเลี้ยงดูลูกได้ 180 วัน ยืดหยุ่นเวลา เปิด – ปิด  สอดคล้องกับวิถีชีวิตของพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ทำงาน

5. รัฐบาล และหน่วยงานที่จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้การสนับสนุนงบประมาณ และบุคลากรโดยเฉพาะ ศพด.ที่ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียน ให้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐาน เช่น ศูนย์เด็กเล็กที่บริหารจัดการเองโดยชุมชน เป็นต้น

ซึ่งวันนี้ช่วงเช้าได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่พรรคเพื่อไทยเพื่อในฐานะรัฐบาลให้มีการปรับเพิ่มนโยบายการจัดสวัสดิการเด็กเล็ก0-6 ปีโดยนำข้อเสนอของคณะทำงานไปพิจารณา และมีนโยบายเพื่อดูเด็กเล็กทุกคนอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม ตามการรับรองของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และอนุสัญญาสิทธิเด็กที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้หลายฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองทางสังคมต่อเด็กทุกคนในสังคมไทย ซึ่งก็คาดหวังให้ทางพรรคก้าวไกลช่วยในการทักท่วงทวงถามรัฐบาลถึงนโยบายดังกล่าวด้วย ทั้งนี้คณะทำงานฯยังยื่นหนังสือต่อพรรคประชาชาติและพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลและมีนโยบายด้านสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าด้วย

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ กล่าวถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ ซึ่งจะอภิปรายให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสวัสดิการ เพื่อตรวจสอบ ตั้งคำถาม และข้อสังเกตต่อนโยบาย เพื่อสะท้อนเนื้อแท้ของรัฐบาล เนื่องจากเนื้อหาในร่างนโยบายยังคลุมเครือ ซึ่งก็ค่อนข้างผิดหวังจากที่เห็นร้างที่ออกมาเผยแพร่ และประชาชนเริ่มสะท้อนถึงนโยบายจำนวนมากที่หายไปทั้งที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงว่าจะนำนโยบายของพรรคเป็นหลัก แต่หลายนโยบายที่ดีหายไป ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็นความหวังได้หรือไม่และจะดำเนินการให้บรรลุได้อย่างไร เพราะไม่มีการกำหนดตัวชี้วัดที่กำหนดระยะเวลา

วันนี้ได้รับหนังสือจากอาจารย์สุนีย์ ไชยรส ที่ต้องการให้พรรคก้าวไกล ติดตามนโยบายเด็กเล็ก ในนโยบายของรัฐบาล ซึ่งพรรคฯให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งในร่างแถลงนโยบายรัฐบาลก็ยอมรับว่า ประเทศไทยเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัยแล้ว จึงจะต้องหาวิธีไม่ให้คนวัยทำงาน ต้องแบกรับภาระดูแลพ่อแม่ และบุตรมากขึ้น จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องออกแบบนโยบายลดภาระการมีบุตร เพื่อกระตุ้นให้คนมีบุตรมากขึ้น สามารถรับภาระทางเศรษฐกิจได้ และพรรคฯสนับสนุนสวัสดิการถ้วนหน้ามาโดยตลอด โดยไม่ต้องคัดกรองความจน ของเด็กเล็ก และไม่ควรผลักภาระไปให้เฉพาะครอบครัว แต่รัฐบาลควรมีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกล จะอภิปรายในนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล และติดตามการทำหน้าที่รัฐบาลในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกต่อไป

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รู้สึกผิดหวัง ที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ และหลงลืมกลุ่มเยาวชน และคุณแม่ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต และประเทศไทยยังมีอัตราการเกิดพลเมืองใหม่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อภาคแรงงานในอนาคตด้วย ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจ จึงจะต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเด็กควบคู่กันไปด้วย

ในวันเดียวกันคณะทำงานได้ยื่นหนังสือต่อพรรคประชาชาติ และพรรคพลังประชารัฐด้วยเพื่อให้ทั้งสองพรรคสนับสนุนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าตามที่ได้หาเสียงไว้

พบพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อหารือ ในฐานะดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ย้ำให้เดินหน้านโยบายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า หลังมีกระแสพักจ่ายเงินอุดหนุนเด็กเล็ก

            เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 342 องค์กร นำโดย อาจารย์สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานฯ  คุณเชษฐา มั่นคง มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กได้เข้าพบเพื่อหารือคุณนิกร จำนง ประธานยุทธศาสตร์นโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา และยื่นหนังสือถึงคุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา

            อาจารย์สุนี กล่าวว่า อยากให้ทางพรรคชาติไทยพัฒนาในฐานะพรรคที่ดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินนโยบายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า เพื่อเป็นสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก โดยตั้งแต่ในครรภ์ถึง 6 ปี เดือนละ 3,000 บาท และดูแลเด็กเล็กในการเลี้ยงดูและพัฒนาศักยภาพให้ครอบคลุม ทั่วถึง ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 6 ปีกว่า 4 ล้านคน เพราะเด็กที่เข้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กยังมีข้อจำกัดเข้าไม่ถึง คือไม่ได้เข้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กถึงราว 2 ล้านคน พร้อมเสนอให้มีคณะทำงานวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กเล็กอย่างจริงจังด้วย โดยได้มีการหารือเรื่องความเป็นไปได้ในการจัดสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าร่วมกัน

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน