เยาวชน-แรงงานนอกระบบ เสนอนายกเดินหน้าบำนาญเพื่อประชาชนรับขวัญวันเด็ก

เด็ก-แรงงานนอกระบบ อ้อนนายกให้บังคับใช้กฎหมายกองทุนออมแห่งชาติเป็นของขวัญวันเด็ก หวังคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยสูงอายุ 

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 ณ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเดกและเยาวชนแรงงานนอกระบบ นำโดยศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งชาติราว 100 คนประกอบด้วยเด็กและเยาวชน คนขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้รับงานไปทำที่บ้าน หาบเร่แผงลอยฯลฯ ที่มีอายุตั้งแต่ 8 ปีถึง 70 ปี ได้ร่วมกันเดินรณรงค์ตั้งแต่หน้ากระทรวงศึกษาธิการไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หวังให้ รัฐบาลเร่งเดินหน้า…รับสมัครสมาชิกการออม ตามพ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติทันที สิ้นสุดการรอคอย…เดินหน้าบำนาญเพื่อประชาชน

นางสาวทิพวรรณ อ้ายสุรินทร์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อายุ 18 ปี กล่าวว่า ได้รอคอยที่จะเข้าสู่ระบบกองทุนการออมแห่งชาติเมื่อได้ยินว่ารัฐได้ประกาศเป็นพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติแล้วเมื่อปี 2554 ด้วยหวังที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงอายุ 60 ปีในวัยสูงอายุ

“ปัญหาที่พบเห็นในชีวิตประจำวันคือภาพคนผู้สูงอายุในชุมชนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองในปัจจุบันนี้ ซึ่งเขาควรได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้หากมีการออมเงินตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการบังคับให้มีการออมและรับต้องมีการสนับสนุนให้มีการออมเพื่อชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคน ในวัยเกษียณอายุการทำงานทุกวันนี้แนวการสงเคราะห์จ่ายเบี้ยยังชีพเพียงเดือนละ 500 บาทไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุเลยทำให้ภาพที่เราได้เห็นตามสื่อเรื่อวงเวียนชีวิตที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายถูกทอดทิ้ง”ทิพวรรณกล่าว

นางสาวทิพวรรณ ยังกล่าวอีกว่า “วันนี้ที่มาร่วมเพราะต้องการที่จะให้นายกรัฐมนตรีกดไลน์บังคับใช้กฎหมายกองทุนการออมฯเสียที เพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก เพราะต้องการจะได้เข้าสู่ระบบการออมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ”

นางสาวอุบล ร่มโพธิ์ทอง ตัวแทนศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งชาติกล่าวว่า นับตั้งแต่ปี  2548  ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) เนื่องจากสัดส่วนประชากรสูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด   ปัจจุบันประเทศไทยผู้สูงอายุร้อยละ 10.7 ของประชากร หรือประมาณ 7 ล้านคน    ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและคาดว่าในปี   2558   สัดส่วนประชากรสูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 14 และเป็นร้อยละ  19.8  ในปี  2568   คิดเป็นสัดส่วน  1  ใน 5 ของประชากรทั้งหมด

การเปลี่ยนโครงสร้างประชากรของประเทศ  พบว่าอัตราส่วนการเกื้อกูลผู้สูงอายุของประชากรวัยทำงานต่อประชากรสูงอายุ 1 คน  ค่อย ๆ ลดลง ในปี  2551 เท่ากับ  6.07 คน จะลดลงเป็น  2.52 คนในปี  2573  และระบบบำนาญในปัจจุบัน (การจ่ายเงินบำนาญ  500  บาทเพื่อผู้สูงอายุ  1 คนต่อเดือน)  ซึ่งจะเป็นภาระของประชาชนรุ่นหลังในรูปแบบของภาษีจะเพิ่มขึ้นสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การออกพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554  นับว่าเป็นการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ประชาชนยามชราภาพถ้วนหน้า  อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมีศีกดิ์ศรีในการเป็นพลเมืองของประเทศ  ในขณะเดียวกันการส่งเสริมการออมของประชาชนเป็นแนวทางหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ปัจจุบัน กระทรวงการคลังในฐานะผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ประชาชนเป็นสมาชิกการออม  ทั้งนี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีการเสนอให้แก้ไขกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยคาดว่าจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวได้เสร็จภายในปี 2556

ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย  กลุ่มผู้ขับแท็กซี่  กลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย กลุ่มซ้าเล้งและคุ้ยขยะ กลุ่มเกษตรกรพันธสัญญา  เครือข่ายแรงงานชุมชน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาคี มูลนิธิเพื่อนหญิง กลุ่มเยาวชนพื้นที่สมุทรปราการ และเครือข่ายนักวิชาการด้านบำนาญชราภาพ ซึ่งเห็นความสำคัญและสนับสนุนให้เกิดระบบบำนาญถ้วนหน้าโดยเร็ว โดยมีข้อเสนอต่อรัฐบาลดังนี้

(1) รัฐบาลต้องเร่งเปิดรับสมัครสมาชิกกองทุน ตามพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554  เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังไม่มีหลักประกันรายได้ใด ๆ   และเป็นการส่งเสริมการออมของประชาชนในวัยทำงาน

(2) ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งชาติและภาคี ขอเสนอให้หน่วยงาน/กระทรวงที่มีนโยบายเพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ (บำนาญชราภาพ) อาทิ กองทุนการออมแห่งชาติ โดยกระทรวงการคลัง การขยายประกันสังคม มาตรา 40 เพื่อขยายสิทธิประโยชน์สำหรับแรงงานนอกระบบ โดยกระทรวงแรงงาน การส่งเสริมสวัสดิการชุมชน โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการระบบหลักประกันทางสังคมและรายได้ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากทุกนโยบาย รวมถึงการลดภาระทางการเงินการคลังของประเทศ และให้มีระบบบำนาญระบบเดียวที่มีเสถียรภาพในระยะยาว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ส่งนายสุพร อัตถาวงษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเป็นผู้แทนมารับหนังสือ

นายสุพร อัตถาวงษ์ กล่าวว่า หนังสือที่ได้รับวันนี้ต้องถึงมือนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาบังคับใช้กฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติฉบับดังกล่าว การมาของเด็กและเยาวชน แรงงานนอกระบบเป็นการหวังดีที่ต้องการให้เกิดระบบที่ดีมารองรับเด็กๆที่จะต้องโตในอนาคตวันเด็กปีนี้ขอให้เด็กทุกคนมีความสุข และจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกองทุนการออมฯพร้อมกับเปิดรับสมาชิกเข้าสู่ระบบการออมเพื่ออนาคตที่จะเข้าสู่วัยสูงอายุ

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน