สรุปโดย บัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ
(1) ขอบเขตการคุ้มครอง
1.1 ขยายคุ้มครองถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของราชการรวมถึงลูกจ้างผู้รับงานมาทำที่บ้านและลูกจ้างทำงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
1.2 ห้ามมิให้ส่วนราชการใดออกกฎหมายเพื่อยกเลิกการใช้บังคับแก่กิจการและลูกจ้างที่กฎหมายนี้ใช้บังคับในภายหลัง
1.3 การยกเว้นคุ้มครองกิจการหรือลูกจ้างกลุ่มใดในอนาคต ต้องได้รับการเห็นชอบโดยคณะกรรมการประกันสังคม
(2) ปรับปรุงคำนิยาม 4 คำ ได้แก่
2.1 “ลูกจ้าง”ให้หมายรวมถึง ลูกจ้างทำงานบ้านอันมิได้ประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย และลูกจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้าน
2.2 “นายจ้าง” หมายรวมถึง นายจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและผู้จ้างงานในงานที่รับไปทำที่บ้าน
2.3 “ค่าจ้าง” หมายรวมถึง เงินที่นายจ้างจ่ายให้ในวันที่ลูกจ้างหยุดงานโดยมิได้เป็นความผิดของลูกจ้าง
2.4 “ทุพพลภาพ” หมายรวมถึง ผู้ประกันตนที่สูญเสียอวัยวะส่วนใดหรือสูญเสียสมรรถภาพของร่างกาย โดยตัดคำว่า “จนไม่สามารถทำงานได้” เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนที่เป็นธรรมตามความเป็นจริง
(3) ปรับปรุงองค์ประกอบ คุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ ที่มาและวาระของคณะกรรมการประกันสังคม ประกอบด้วยประธานและกรรมการอีก 4 ฝ่ายๆละ 8 คนรวมเป็น 33 คน ดังนี้
1. ประธานกรรมการ มาจากการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงานประกันสังคม โดยการสรรหาของกรรมการโดยตำแหน่ง,ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง,ฝ่ายผู้ประกันตนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
2. กรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงแรงงาน,สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสปส.รวม 8 คน
3. กรรมการฝ่ายนายจ้างและกรรมการฝ่ายผู้ประกันตน ฝ่ายละ 8 คน
4. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สรรหาโดยกรรมการข้อ 2 และ 3 เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ด้านต่างๆ ด้านงานประกันสังคม,งานหลักประกันสุขภาพ, ด้านการแพทย์, ด้านเศรษฐศาสตร์การคลัง, บริหารการลงทุน, ด้านกฎหมาย, ด้านสวัสดิการสังคม และด้านสิทธิมนุษยชนด้านละ 1 คน รวม 8 คน
3.1 กรรมการฝ่ายผู้ประกันตนและฝ่ายนายจ้าง
– มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของผู้ประกันตนและนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับ สปส.
– ผู้ประกันตนอาจลงสมัครรับเลือกตั้งโดยอิสระหรือองค์กรเอกชน องค์กรด้านแรงงานที่ไม่ว่าจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่และดำเนินกิจกรรมด้านสวัสดิการแรงงานไม่น้อยกว่า 5 ปี ส่งลงสมัครได้
– กำหนดคุณสมบัติผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนและฝ่ายนายจ้างให้กว้างขวางชัดเจน เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนหรือมีส่วนได้เสียกับการดำรงตำแหน่ง หรือเกี่ยวข้องกับการเมืองและเป็นบุคคลสุจริตเชื่อถือได้ เช่น ไม่เคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก,ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออกจากราชการหรือหน่วยงานเอกชน, กรรมการรวมถึงคู่สมรส บุตรและบุพการีต้องไม่ประกอบกิจการที่มีส่วนได้เสียกับสำนักงานไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม, ไม่เป็นผู้มีตำแหน่งทางการเมืองหรือรับผิดชอบบริหารพรรคการเมือง ฯลฯ
3.2 กำหนดให้กรรมการประกันสังคมถือเป็นตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมาย ปปช. ที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะชน และถือเป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย
3.3 คณะกรรมการประกันสังคม มีอำนาจกำหนดนโยบายบริหารงานและควบคุมดูแลการบริหารงานประกันสังคมอย่างเต็มที่, รวมทั้งการเห็นชอบแผนงาน แผนการเงินงบประมาณของสำนักงานแต่ละปี, การกำหนดกฎเกณฑ์การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินประจำปี การบริหารงานทั่วไปและบริหารบุคลากร, การกำหนดหลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย, หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้เสียหายจากบริการทางการแพทย์โดยหาผู้กระทำผิดมิได้หรือไม่ได้รับค่าเสียหายในเวลาอันควร ฯลฯ
3.4 ปรับปรุงวาระดำรงตำแหน่งของกรรมการให้อยู่คราวละ 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน และพ้นจากตำแหน่งได้ถ้ากรรมการขาดประชุม 3 ครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุสมควร หรือมีมติกรรมการ 2 ใน 3 ของเท่าที่มีอยู่ให้พ้นจากตำแหน่งเพราะบกพร่องต่อหน้าที่, มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ และเปิดให้ผู้ประกันตนไม่น้อยกว่า 1,000 คนเข้าชื่อร้องขอให้คณะกรรมการพิจารณาถอดถอนกรรมการคนใดออกได้ด้วย
3.5 ปรับปรุงให้คณะกรรมการประกันสังคม (รวมทั้งคณะกรรมการอื่นๆตามกฎหมาย เช่น คณะกรรมการอุทธรณ์ คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการกองทุน) ที่มิใช่เป็นกรรมการมาโดยตำแหน่ง การแต่งตั้งต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของหญิงและชาย กรรมการจะดำรงตำแหน่งอื่นตามกฎหมายนี้ไม่ได้ และกรรมการทุกชุดจะเป็นอนุกรรมการได้ไม่เกิน 2 คณะ
(4) สำนักงานประกันสังคมและเลขาธิการ สปส.
4.1 กำหนดให้สำนักงาน มีฐานะนิติบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงแรงงานอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
4.2 เลขาธิการต้องเป็นผู้ทำงานเต็มเวลาและมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมเกี่ยวกับการบริหารงานประกันสังคม และมีคุณสมบัติอีกหลายอย่างที่ต้องเป็นบุคคลมีวุฒิภาวะและตรวจสอบได้ว่าเป็นคนสุจริต เชื่อถือยอมรับได้ชัดเจนตามที่กฎหมายกำหนด ให้ดำรงตำแหน่งโดยมีสัญญาว่าจ้างกับสำนักงาน วาระ 4 ปีมีอำนาจบริหารควบคุมงานและบุคลากรตามนโยบายคณะกรรมการและกฎหมายโดยไมขึ้นกับรัฐมนตรีสั่งการ
(5) โครงสร้างการบริหารกองทุนประกันสังคม
นอกจากมีคณะกรรมการประกันสังคม คระกรรมการอุทธรณ์และคณะกรรมการแพทย์ ตามรูปแบบกฎหมายเดิมแล้ว จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการลงทุนที่คณะกรรมการประกันสังคมออกระเบียบสรรหาขึ้นมา เพื่อเป็นหลักประกันในการตรวจสอบการบริการกองทุนและจัดหาผลประโยชน์การลงทุนเป็นไปอย่างโปร่งใส ติดตามควบคุมได้โดยผู้มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์
(6) อัตราเงินสมทบ และประโยชน์ทดแทน
6.1 ผู้ประกันตนมีโอกาสสามารถตรวจสอบนายจ้างได้ว่านำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนแก่ สปส. หรือไม่ ? เท่าไร ?ทุกครั้ง หรือไม่ ? โดยให้นายจ้างต้องเปิดเผยให้ทราบโดยปิดประกาศในสถานประกอบการโดยเปิดเผยตามระยะเวลาที่กำหนด
6.2 กำหนดให้ฐานค่าจ้างคำนวณเงินสมทบ ขึ้นกับค่าจ้างผู้ประกันตนแต่ละราย ไม่กำหนดอัตราสูงสุดไว้และผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาจ่ายเงินสมทบ เช่น จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 120 เดือน มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 70 ของค่าจ้างหากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไปมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 80 ของค่าจ้าง
6.3 ผู้ประกันตนที่ออกจากงาน จะขยายให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนยาวนานขึ้นตามระยะเวลาจ่ายเงินสมทบ กล่าวคือถ้าจ่ายเงินสมทบไม่เกิน 10 ปีมีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนต่อเนื่องอีก 8 เดือน ถ้าจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อไปได้อีก 12 เดือน
6.4 กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพที่มิใช่เนื่องจากการทำงาน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนบริการทางการแพทย์ ตั้งแต่วันแรกที่เป็นลูกจ้าง แม้ภายหลังออกจากงาน และรับประโยชน์ทดแทนกรณีบำนาญชราภาพจนกระทั่งตาย เพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกระทรวงสาธารณสุขดูแลอยู่
ประโยชน์ทดแทนกรณีเจ็บป่วยให้เพิ่มเติมค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และตรวจสุขภาพประจำปีแก่ผู้ประกันตนด้วย
6.5 กำหนดให้ผู้ประกันตนเลือกไปใช้บริการสถานพยาบาลทุกแห่งได้ตามที่มีข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม ไม่ว่ากรณีปกติหรือกรณีฉุกเฉิน โดยเป็นหน้าที่ของ สปส.กับ สถานพยาบาลจะตกลงจ่ายค่าบริการ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการแพทย์กำหนด โดยไม่กำหนดให้ลูกจ้างต้องเลือกใช้สถานพยาบาลที่ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงานไว้ล่วงหน้าเหมือนเดิม
6.6 กำหนดให้ผู้ประกันตนหรือผู้อุปการะมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรอายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์
6.7 กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิระบุเป็นหนังสือให้บุคคลใดรับประโยชน์ทดแทนกรณีค่าทำศพและเงินสงเคราะห์กรณีตายรวมทั้งรับประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพได้
6.8 ผู้ประกันตนตามมาตรา 39
– กำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 7 เดือน (เดิม 12 เดือน) ต่อมาความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีสิทธิสมัครเป็นผู้ประกันตนยาวขึ้นคือภายใน 12 เดือน (เดิม 6 เดือน) นับแต่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน
– ผู้ประกันตนม.39 ออกเงินสมทบ 1 เท่าและรัฐบาลออกเงินสมทบ 2 เท่า (เดิมรัฐจ่าย 1 เท่าผู้ประกันตนจ่าย 2 เท่า)
– ความเป็นผู้ประกันตน ม.39 สิ้นสุดลงเมื่อ
– ไม่ส่งเงินสมทบ 6 เดือนติดต่อกัน (เดิม 3 เดือน)
– ภายในระยะ 12 เดือนส่งเงินสมทบไม่ครบ 6 เดือน (เดิม 9 เดือน)
6.9 ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่าอัตราเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตนมิใช่ลูกจ้าง (เดิมรัฐบาลไม่จ่าย และคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเป็น ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบไม่เกินกึ่งหนึ่งของอัตราเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่าย
6.10 กรณีว่างงาน
1. ผู้ประกันตนไม่ต้องจ่ายเงินสมทบกรณีว่างงาน นับแต่เดือนถัดจากเดือนที่มีอายุ 55 ปีบริบรูณ์
2. ผู้ประกันตนที่ว่างงาน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพพร้อมกับกรณีว่างงาน
3. ตัดเงื่อนไขเหตุยกเว้นไม่ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานให้เหลือเพียงไปขึ้นทะเบียนกับสำนักจัดหางาน และเป็นผู้มีความสามารถทำงานได้ พร้อมทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้หรือไม่ปฏิเสธการฝีกงาน และได้ไปรายงานตัวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
(7) ยกเลิก 2 มาตรา คือ
7.1 มาตรา 55 ยกเลิกบทบัญญัติที่ให้นายจ้างขอลดส่วนเงินสมทบได้เนื่องจากไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป กฎหมายใช้บังคับมานานแล้ว
7.2 มาตรา 61 ยกเลิกเหตุที่ผู้ประกันตนไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนเพราะจงใจก่อให้เกิดขึ้น หรือยินยอมให้ผู้อื่นก่อให้เกิดขึ้น เพราะเป็นการนำหลักการประกันธุรกิจเอกชนมาใช้บังคับ โดยไม่สอดคล้องกับประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนจะได้รับจำนวนน้อยอยู่แล้ว
(8) เพิ่มบทลงโทษ
8.1 กรณีนายจ้างไม่นำส่งเงินสมทบหรือนำส่งเงินสมทบไม่ครบ เป็นเงินเพิ่มร้อยละ 4 (เดิมร้อยละ 2)
8.2 หากนายจ้างเคยถูกลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ยังทำผิดซ้ำความผิดเดียวกันอีก ให้ศาลพิจารณาเพิ่มโทษแก่นายจ้างนั้นอีก 1 ใน 3 ของอัตราโทษจำคุก หรือเพิ่มอีกกึ่งหนึ่งของอัตราโทษปรับสำหรับความรับผิดนั้น
ข้อสังเกตส่งท้าย
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. …. ตามมาตรา 147 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ถือว่ารัฐสภาเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องนำร่างกฎหมายนี้ขึ้นทูลเกล้าฯถวายใน 20 วันเพื่อลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษาใช้เป็นกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้เลื่อนวาระ เรื่องร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอขึ้นมาพิจารณาก่อน โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำร่างพระราชพระราชบัญญัติทำนองเดียวกันอีก 3 ฉบับขึ้นมาพิจารณารวมกันไป คือ
1. ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งนายสถาพร มณีรัตน์กับคณะเป็นผู้เสนอ
2. ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งนางสาวผ่องศรี ธาราภูมิกับคณะเป็นผู้เสนอ
3. ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งนายนคร มาฉิมกับคณะเป็นผู้เสนอ
ภายหลังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติได้แถลงหลักการและเหตุผลทีละฉบับตามลำดับ และมีสมาชิกฯอภิปรายแล้ว ประธานของที่ประชุมได้สั่งเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมทุกฉบับดังกล่าวไปในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป (ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในปลายเดือนมกราคม 2554)
หลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมฉบับที่เสนอโดย สส.สถาพร มณีรัตน์กับคณะและเสนอโดย สส.นคร มาฉิมกับคณะมีสาระสำคัญเหมือนกับร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมฉบับบูรณาการแรงงานที่จัดทำแล้วเสร็จโดยความร่วมมือของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยกับเครือข่ายองค์กรด้านแรงงาน และแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สสส. เมื่อเดือนตุลาคม 2553
///////////////////////////////////////////////////////////////////
สังคมสวัสดิการ ไร้การกีดกัน ลดช่องว่าง สร้างความเป็นธรรม ประกันสังคมถ้วนหน้า อิสระ โปร่งใส
ขอเชิญร่วมงานสมัชชาแรงงาน “ปฏิรูปประกันสังคมกับคุณภาพชีวิตแรงงาน” ในวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ.2554
ณ.ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดี หลักสี่ กรุงเทพมหานคร ประสานงานสมัชชาแรงงาน ลงทะเบียนได้ที่นี่ voicelabour.org