สงกรานต์ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา สำหรับลูกจ้างทุกคนของพิพิธภัณฑ์แรงงานไทยแล้ว หากไม่ตรงกับวันจันทร์และอังคาร นั่นก็ไม่ใช่วันหยุด แต่เป็นหลายวันที่การเดินทางไปทำงานเป็นเรื่องน่ารื่นรมย์จนอยากจะให้มีสงกรานต์ทุกวัน ถนนในกรุงเทพว่างโล่ง รถราผู้คนเบาบางลงไป เห็นใครๆไล่สาดน้ำกันตลอดรายทาง รู้สึกสนุกไปด้วย (ทุกปีก็ต้องโดนปะแป้งที่แก้มด้วย…แก้มรถน่ะ)
วันใดวันหนึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของหลายปีที่ผ่านมา เมื่อพวกเราทุกคนหรือส่วนใหญ่ว่าง ตอนเช้าๆก่อนเข้าไปทำงาน ก็จะนัดหมายมุ่งตรงไปที่บ้านเลขที่ 62 ซอยวัดบัวขวัญ เตรียมมาลัยดอกไม้และน้ำอบไทย รวมทั้งอาหารการกินต่างๆติดไม้ติดมือไปด้วย พวกเราไปรดน้ำดำหัวและรับพรจาก น.ส.ภิรมย์ ภูมิศักดิ์ ซึ่งน้องๆที่ไปด้วยคือ นก น้อย และ หน่อย เรียกแกว่าป้า แต่สำหรับผมต้องเรียกว่า พี่ภิรมย์ ตามความต้องการของแก ซึ่งก็รวมถึง อ.ศักดินา ที่ไปพร้อมภรรยาและลูกเสมอ ก็ต้องเรียกว่า “พี่ภิรมย์” เช่นกัน
พี่ภิรมย์ รู้จักพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ก็เมื่อครั้งมีการปิดบูรณะซ่อมแซม โดยก่อนเปิดดำเนินการพิพิธภัณฑ์แรงงานไทยใหม่ในวันที่ 7 ธันวาคม 2546 ราวปีกว่าๆ พวกเราที่กำลังทำงานบูรณะพิพิธภัณฑ์ฯ นำโดย อ.ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา ได้ไปอ้อนวอนขอ “จะเข้” ของ จิตร ภูมิศักดิ์ เพื่อนำมาจัดแสดงในห้อง “ศิลปวัฒนธรรมกรรมกร จิตร ภูมิศักดิ์“ โดยชี้แจงว่า “จะเข้” นั้นเป็นเครื่องดนตรีที่ “จิตร ภูมิศักดิ์ หอบเข้าคุกลาดยาวไปตั้งวงดนตรี และได้เขียนเพลงเกี่ยวกับแรงงานไว้หลายเพลง เพราะเป็นผู้ที่เชิดชูการใช้แรงงาน” (ทองใบ ทองเปาด์ เล่าไว้ในหนังสือ คอมมิวนิสต์ลาดยาว) จึงสรุปว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้ใช้แรงงานทั้งมวล พากเพียรไปกันหลายครั้งจนพี่ภิรมย์ต้องยอมลำบากลำบนนั่งรถกระบะ (คันที่โดนปะแป้งบ่อยๆนั่นแหละ) มาดูให้เห็นกับตาว่าพิพิธภัณฑ์แรงงานไทยนั้นเป็นอย่างไร ที่สุด “จะเข้” เครื่องดนตรีชิ้นนั้นก็ได้เข้ามาอยู่บอกเล่าเรื่องราวของ “เพลงเพื่อชีวิต” อันมี จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นผู้บุกเบิกสำคัญ สืบไป
จากนั้นมา พวกเราก็มักแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนดูแล พี่ภิรมย์ เสมอๆ อายุที่หลักแปดทำให้มีการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นระยะ แต่ก็ยังดูกระฉับกระเฉงกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ยังเดินจ่ายตลาดเมืองนนท์ตัวปลิวจนผู้ติดตามไปบ่อยๆ อย่าง “น้อย” ตามแทบไม่ทัน หลายครั้งที่ไปหา “นก” จะเป็นคนนวด แขน ขา มือ และ ฝ่าเท้าให้ ดูท่าทางพี่ภิรมย์ชอบใจเหมือนกันจนเกือบมีโปรเจ็คใหญ่พาไปหาหมอนวดแผนโบราณ ส่วน “หน่อย” ถนัดพูดคุยดูแลคนแก่ เมื่อมีโอกาสค้างคืนด้วยพี่ภิรมย์ก็จะเข้านอนดึกกว่าปกติที่ 2 ทุ่มก็หลับแล้ว ทีวีไม่มีดู ฟังแต่วิทยุทรานซิสเตอร์ยี่ห้อ “ธานินทร์” แต่ถ้าเป็นเรื่องของแอร์เสีย ก๊อกน้ำพัง ต้นไม้รก หรือปลวกขึ้น ฯลฯ ก็เป็นหน้าที่ผมที่จะต้องทำเองหรือตามช่างเจ้าประจำ “จำรัส” มาช่วยจัดการให้
แม้จะดูแข็งแรงอยู่ แต่หลายครั้งก็มีอาการให้เห็นเป็นระยะว่าไม่ปกติ และเมื่ออยู่ในช่วงที่สบายดี การได้นั่งรถออกไปเที่ยวไกลๆก็เป็นสิ่งที่พี่ภิรมย์รอคอยเสมอ ทั้งการเช่ารถตู้ไปกัน หรือถ้าใกล้ๆก็ไปรถกระบะของผม ไปชายทะเลหลายแห่ง ไปวัดไหว้พระทำบุญหลายวัด สังเกตุว่าทำให้พี่ภิรมย์ดูสดชื่นขึ้นมาก “เราต้องสู้ ต้องเอาชนะมันให้ได้ “ พวกเราได้ยินคำนี้กันบ่อยๆ
แต่วันปีใหม่ฝรั่งและโดยเฉพาะวันสงกรานต์ ดูจะเป็นวาระที่พิเศษกว่าวันอื่นๆ พี่ภิรมย์นั่งบนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆหน้าประตูเข้าบ้าน พวกเราเรียงลำดับตามประสบการณ์(อายุ)เข้าไปรดน้ำที่ละคน ซึ่งบางปีอาจจะรวมทั้งรดน้ำให้ พี่(หรือป้า)จุก พี่ศรี พี่นิด ซึ่งเป็นแม่บ้านเก่าแก่ที่ผลัดกันมาดูแลถูบ้านกวาดบ้าน ซักผ้าให้ (แต่หุงข้าว ทำกับข้าว พี่ภิรมย์ทำเองตลอด) พอหลังจากรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ก็จะมานั่งรวมกันพนมมือรับพรจากพี่ภิรมย์ ต่อจากนั้นก็เป็นงานเลี้ยงฉลองด้วยอาหารซึ่งซื้อหิ้วติดมือมา ของโปรดของพี่ภิรมย์คือ บะหมี่เป็ดย่าง และขนมลอดช่องแตงไทยน้ำกะทิ ผมต้องแวะซื้อมาจากตลาดรังสิตทุกปี สังเกตุว่าถ้าชอบอะไร นอกจากกินเดี๋ยวนั้นแล้วก็จะเอาใส่ตู้เย็นทันที ส่วนอะไรที่ไม่ชอบก็จะไล่ให้คนอื่นขนกลับบ้านไป (พวกเราก็ชอบ) คนอิ่มกันแล้วก็นั่ง(แอบๆ)พักผ่อนดูฝูงนกหลากหลายชนิดที่จะลงมากินข้าวที่โปรยไว้เหมือนกับทุกๆวันที่มันเคยมา บางครั้งก็จะมีเจ้ากระรอกกระแตหางเป็นพวงวิ่งลงมาด้วย ดูเพลินดี
สงกรานต์ปีนี้ ถนนในกรุงเทพว่างโล่งหลายวัน การเดินทางแม้ราบรื่นสะดวก แต่จิตใจของพวกเรากลับรู้สึกไม่โปร่งโล่งนัก ปีนี้พวกเราไม่ได้ไปที่บ้านเลขที่ 62 ซอยวัดบัวขวัญ เจ้าของบ้านไม่อยู่แล้ว พ้นจากสงกรานต์ไป 4-5 วันก็จะครบ 1 เดือนที่ พี่ภิรมย์ ภูมิศักดิ์ จากพวกเรา จากทุกคน จากโลกนี้ไป พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยยังคงเปิดเป็นปกติ แม้จะไม่มีคนมาดูในช่วงนี้ แต่ “จะเข้” ของจิตร ภูมิศักดิ์ ก็ยังคงเตรียมพร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวสู่ชนรุ่นหลังต่อๆไป
ด้วยความเคารพรักและอาลัย
วิชัย นราไพบูลย์
พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย
๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕