ลูกจ้างยื่นหนุน นโยบายปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท

ลูกจ้างเชื่อปรับค่าจ้างขึ้น 300 บาท ทำได้ อย่าฟังนายจ้างอ้างตลอดย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่มีค่าจ้างต่ำ ยุส่งย้ายเลยแรงงานข้ามชาติจพได้ไม่ต้องหนีมาไทย

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 สภาองค์การลูกจ้างสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกราว 50 คนได้เดินทางเข้ายื่นหนังสื่อต่อว่าที่นายกหญิง นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงความสนับสนุนนโยบาย “การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน” พร้อมออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2554 ดังนี้  ต้องยอมรับความจริงว่าในสังคมไทยนั้นมีความเหลื่อมล้ำในด้านรายได้ของบุคคลทุกสถานประกอบการของภาคเอกชนผู้ที่มีตำแหน่งทั้งหลายรายได้จะสูงผู้จัดการบางคนรายได้หลักล้านต่อเดือนมีแต่ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากรายได้เพียงขั้นต่ำที่คณะกรรมการไตรภาคีได้กำหนดขึ้นมาเท่านั้นนายจ้างบางคนออกมาพูดว่า ค่าจ้างบ้านเราสูงกว่า พม่า,ลาว,เขมร และเวียดนาม สภาฯไม่ขอเถียง  หากค่าจ้างประเทศเหล่านี้สูงกว่าบ้านเรา  เราคงไม่มีแรงงานข้ามชาติมากมายขนาดนี้

ต้องตั้งคำถามว่าทำไมประเทศที่ค่าแรงสูง จึงมีความเจริญขึ้นมีการพัฒนาดีขึ้นผู้คนต้องการที่จะไปอยู่ บางครั้งต้องยอมขายนา ขายวัว ขายควาย เพื่อหาเงินไปทำงานต่างประเทศที่มีค่าจ้างสูงๆ  แล้วทำไมบ้านเราจึงขาดแคลนแรงงาน เพราะนายจ้างชอบจ้างค่าแรงต่ำๆ และไม่มีสวัสดิการที่ดีให้กับแรงงาน เอาเปรียบแรงงานทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ผลประโยชน์เข้าตนเองมากที่สุด ชอบอ้างว่า คนจะไม่เข้ามาลงทุนอาจจะหนีไปที่เวียดนาม พม่า ลาวและเขมร เพราะนายทุนที่ชอบใช้แรงงานราคาถูกมัก บางโรงงานตั้งมา 30 ปี บอกลูกจ้างว่า ขาดทุนมาตลอดไม่ยอมขึ้นค่าแรงให้กับลูกจ้างเลยอย่างนี้ หากเรายังมีนายทุนประเภทนี้มากเท่าไร เราจะพัฒนาประเทศไทยไปได้อย่างไร? เพราะผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ทำงาน ยังมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะใช้จ่าย การขึ้นค่าจ้างวันละ 300 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับรายจ่ายของผู้ใช้แรงงานแล้ว จะเห็นว่า ไม่เพียงพอด้วยซ้ำ

การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในช่วง10 ที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2545-1มกราคม2554) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสะสมในช่วง 10 ปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.1 ทำให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศปรับน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 2.4 ส่งผลให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผู้ใช้แรงงานได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น

การปรับอัตราค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาท หรือเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำร้อยละ 40 เป็นการยกระดับมาตรฐานการประกันรายได้ขั้นต่ำเพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดช่องว่างของการกระจายรายได้ให้กับลูกจ้างในระบบประกันสังคมจำนวนประมาณ 9 ล้านคน

ตามที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)   ได้ตราอนุสัญญาฉบับที่ 131 ว่าด้วยการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำโดยประเทศสมาชิกที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้จะต้องกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำมาใช้สำหรับผู้ประกอบการอาชีพที่มีรายได้กลุ่มต่างๆ ตามที่เห็นสมควรโดยคำนึงถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานของลูกจ้างและครอบครัว (รวม 3 คน) ความสามารถในการจ่ายของนายจ้างมาตรฐานความเป็นอยู่ในส่วนอื่นของระบบเศรษฐกิจและระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฯลฯ ได้มีนักวิชาการด้านแรงงานหลายท่านที่ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าจ้างเช่น    รศ.ดร.ณรงค์   เพ็ชรประเสริฐ    ประธานมูลนิธิ อารมณ์  พงศ์พงัน  รศ.ดร.แล  ดิลกวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.อนุสรณ์  ธรรมใจ คณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงค่าจ้างในปัจจุบัน ว่าไม่สะท้อนความเป็นจริงที่ผู้ใช้แรงงานควรได้รับ รวมทั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยได้ลงพื้นที่สำรวจค่าจ้างที่ลูกจ้างจะดำรงชีพอยู่ได้นั้นจะต้องจำนวน 421 บาทต่อวันและได้เรียกร้องไปแล้วด้วย

ตามนโยบายพรรคเพื่อไทย สภาฯเห็นว่าสามารถทำได้ หากผู้ประกอบการไม่ต้องการให้ประเทศไทยขายแรงงานราคาถูกอีกต่อไปแต่ต้องการจะแข่งขันฝีมือแรงงานกับกลุ่มประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ความคาดหวังที่ผู้ประกอบการจะแสวงหาแรงงานราคาถูกในประเทศไทยเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุดควรจะต้องหมดไปจากประเทศไทยผู้ประกอบการจะได้รับความยุติธรรมจากการร่วมมือของลูกจ้างเพื่อสร้างผลผลิตที่ดีมีคุณภาพให้กับองค์กร

หากดูสภาวะการว่างงานของแรงงานไทยน้อยมาก ปัจจุบัน ณ เดือน พฤษภาคม 2554 อยู่ที่ 0.8 ประมาณ 2.8 แสนคนโดยในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาอัตราการว่างงานเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.3

การปรับค่าจ้างขั้นต่ำจะช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างระบบประกันสังคมให้ตรงกับความเป็นจริงเพื่อรองรับการเกษียณอายุซึ่งเดิมจะได้รับบำนาญเพียง 1,400-3,000 บาทปรับเป็น 2,000-5,000 บาทโดยประมาณ

ตามปกติการลงทุนเพื่อการผลิตสินค้าและบริการทั่วไปสัดส่วนค่าจ้างแรงงานจะคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 5-6% ของงบประมาณการลงทุนทั้งหมดถือว่าน้อยมาก การสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ลงทุน SME ที่ใช้แรงงานเข้มข้นที่มีต้นทุนมากถึง 15% สภาฯเห็นว่ารัฐคงต้องหารือที่จะมีมาตรการเสริมพิเศษเพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้  

ตารางเปรียบเทียบอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกับอัตราเงินเฟ้อทั้งประเทศ  10  ปีย้อนหลัง 

                                             (ตั้งแต่ปี 2545 – 2554)

ปี

อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

อัตราการเปลี่ยนแปลง

อัตราเงินเฟ้อ

(ร้อยละ)

เฉลี่ยทั้งประเทศ (บาท)

ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ร้อยละ)

2545

137.0

0.2

0.7

2546

138.3

0.9

1.8

2547

139.7

1.0

2.7

2548

148.1

6.0

4.5

2549

149.4

0.9

4.7

2550

154.0

3.1

2.3

2551

162.1

5.3

5.5

2552

162.1

0.0

-0.9

2553

165.3

2.0

3.3

2554 (พ.ค.)

175.8

6.4

3.5

รวม  (2545  –  2554)

25.7

28.1

เฉลี่ยต่อปี

2.57

2.81

เพราะฉะนั้นการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ไม่ใช่เป็นสิ่งเพ้อฝัน สามารถทำได้หากเราทุกคนมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแรงงานให้มีฝีมือไม่ต้องการแรงงานราคาถูกที่นายจ้างหวังแต่ผลกำไรสภาองค์การลูกจ้างสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทยต้องการเห็นการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมเพื่อลดความเหลี่ยมล้ำของคนในสังคมต่อไป

นักสื่อสารแรงงาน โครงการการพัฒนาสื่อ รายงาน