แหล่งข่าวนักสื่อสารแรงงานจังหวัดนครปฐมรายงานว่า บริษัทแห่งหนึ่งในเขตย่านอุสาหกรรมจังหวัดนครปฐม เจอวิกฤตจนถูกฟ้องล้มละลายเมื่อปี พ.ศ. 2546 และได้ติดค้างเงินสมทบประกันสังคมในส่วนของนายจ้าง ซึ่งต่อมาบริษัทได้ทำแผนฟื้นฟูกิจการพักชำระหนี้ และได้ทำหนังสือยินยอมรับสภาพหนี้กับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแรกๆก็มีการส่งเงินสมทบบ้าง แต่ต่อมาก็ไม่มีการส่งจ่ายอีกเลย โดยมีเงินค้างชำระในส่วนของนายจ้างและยอดปรับเพิ่มรวมแล้ว 4 ล้านกว่าบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตัวแทนลูกจ้างได้ไปติดต่อหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้จัดการแก้ไขปัญหาให้ จนล่าสุดเมื่อประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ก็ได้ติดต่อไปยังประกันสังคมจังหวัดนครปฐมให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลการนำส่งเงินหักสมทบประกันสังคม ผลปรากฎกว่าพบในส่วนของลูกจ้างก็มีการค้างจ่าย 3 เดือน นอกเหนือไปจากในส่วนของนายจ้างที่ค้างจ่ายอยู่ก่อนแล้วจำนวน 4 ล้านกว่าบาท ซึ่งตัวแทนลูกจ้างก็ได้แสดงความข้องใจที่เจ้าหน้าที่ประกันสังคมปล่อยให้นายจ้างค้างจ่ายมากขนาดนี้ ทั้งที่มีการร้องเรียนมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ลูกจ้างที่ถูกหักเงินสมทบมาตลอดต้องเสียสิทธิประกันสังคมได้ จึงขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว
หลังจากนั้น 3 วัน ทางสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมที่ได้มีการเรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะถือเป็นกรณีที่ค่อนข้างร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประกันสังคม และอาจสร้างความเดือดร้อนให้ลูกจ้างผู้ประกันตนจำนวนมาก ได้แจ้งให้ทางฝ่ายนายจ้างไปพบและได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละ 25,000 บาท เริ่มในส่วนที่ติดค้างของ 2 ปีแรกที่ค้างจ่ายก่อนคือปี พ.ศ.2546 -2547 โดยให้เริ่มจ่ายในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2554 ให้หมดสิ้นภายในปี พ.ศ.2555 รวมยอดเงิน 1 ล้านกว่าบาท จากนั้นจะให้รับสภาพหนี้คราวละ 2 ปีแล้วผ่อนจ่ายจนกว่าจะครบ หากทางบริษัทไม่ปฎิบัติตามเงือนไขก็จะดำเนินคดีอาญาต่อไป
นักสื่อสารแรงงานศูนย์อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ รายงาน