เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2555 กลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จัดงานรำลึก 19 ปี โศกนาฏกรรมเคเดอร์ ที่ศาลาวัดศรีสำราญราษฎร์บำรุง จ. สมุทรสาคร มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 140 คน ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ และทำบุญถวายสังฆทานแด่พระสงค์ โดยมีนายอนุสร ไกรวัฒน์นุศร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธี หลังจากนั้นคนงานได้ร่วมกันร้องเพลงคิดถึงตุ๊กตาและร่วมวางดอกไม้รำลึกถึงเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเคเดอร์
นายอนุสร ไกรวัฒน์นุศร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังจากพิธีวางดอกไม้รำลึก ได้กล่าว แสดงความเสียใจกับญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานผลิตตุ๊กตาเคเดอร์ว่า กรณีความไม่ปลอดภัยจนเกิดไฟไหม้โรงงานในครั้งนั้นไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น รวมทั้งเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานระเบิด สารเคมีรั่วไหลในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 12 คน และบาดเจ็บอีก 100กว่าคน ถึงแม้ว่า การเสียชีวิตของแรงงานจะมีจำนวนน้อยกว่าไฟไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน อุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่คนที่จะช่วยได้ดีที่สุดคือ ตัวพวกเราทุกคน พบเห็นสิ่งไหนไม่ปลอดภัยให้แจ้งบริษัททันที
นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า ย้อนหลังไปเมื่อปี 2536 วันนั้นยังคงจำได้กับภาพเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 188 ศพ ระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาจากการสูญเสียบุคคลในครอบครัวอันเป็นที่รักและหวงแหนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา
ที่ผ่านมาขบวนการแรงงานได้มีการเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเมื่อปี 2540 และเคลื่อนไหวผลักดันให้มีพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันก็ยังรณรงค์เคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 10 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันความปลอดภัยแห่งชาติ
นายทวีป กาญจนวงศ์ ที่ปรึกษากลุ่มสหภาพแรงงาน อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กล่าวเสริมว่า ผลพวงที่ได้จากการเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ คือการที่ขบวนการแรงงานร่วมเดินขบวนรณรงค์ผลักดันให้มีพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2554 ที่ผ่านมาซึ่งกำหนดให้มีการจัดตั้งร่างพ.ร.บ.สถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกฤษฎีกา
หลังจากนั้นมีการจัดเวทีเสวนา “บทเรียนโศกนาฏกรรมเคเดอร์ 19 ปี กับการต่อสู้เรื่องความปลอดภัยของคนงาน”
นางรัศมี สุราเอม อดีตคนงานเคเดอร์ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน กล่าวว่า “ตอนนั้นอายุ 19 ปี ทำงานในแผนกซอฟทอยด์ ในวันเกิดเหตุทำงานอยู่ชั้น 3 มีเพื่อนจากชั้น 1 วิ่งมาบอกว่า เกิดไฟไหม้ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ประตูเข้าออกมีแค่ประตูเดียว ตนจึงตัดสินใจกระโดดลงทางหน้าต่างชั้น 3 กระแทกกับพื้นอย่างแรง ที่ร้ายไปกว่านั้นมีคนกระโดดตามลงมาทับตนส่งผลให้เดินไม่ได้หลายปี ช่วงที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้จนถึงวันนี้ ตอบได้เลยว่า คำว่า ความสบายไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางก็ยากลำบาก แต่ก็ได้ไปเรียนต่อทางกฎหมายช่วงที่เรียนก็ไปมอเตอร์ไซด์บ้าง และเรียนไปทำงานไปด้วย หาค่าเทอมส่งเสียตัวเองเรียน หลังจากเรียนจบเนติบัณฑิตเมื่อปี 2550 ได้ไปสมัครสอบเป็นผู้พิพากษา ซึ่งตอนนั้นยังนั่งรถเข็นอยู่ ก็มีคนมาถามว่า เท้าเป็นอะไรมา และพูดว่า สภาพร่างการแบบนี้ไม่อนุญาตให้สมัครสอบเป็นผู้พิพากษาได้ เนื่องจากว่า ผู้ที่จะทำตำแหน่งนี้ได้ร่างกายจะต้องไม่พิการ ดิฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรและปัจจุบันดิฉันทำงานในตำแหน่งนิติกร ที่เทศบาลจังหวัดมหาสารคาม”
นายชาญ สระทองแป้น อาชีพขับรถสามล้อรับจ้างสามีของคนงานเคเดอร์ที่เสียชีวิต กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาผมสะกดคำว่า “ความสุข” ไม่ได้เลย ผมไม่เคยมีความสุขเลย ก่อนที่ภรรยาผมจะเสียชีวิตครอบครัวผมมีความสุขมาก หลังจากที่ภรรยาผมเสียชีวิตไป ผมต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ ผมลำบากมาก และผมก็มีบุตรชายหนึ่งคน แต่ผมก็ภูมิใจที่ลูกชายผมเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนทำให้ผมมีความเพียรพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา และผมสอนลูกว่า ผมไม่มีอะไรจะให้ถ้าลูกตั้งใจเรียนผมก็จะตั้งใจทำงานส่งให้เขาเรียนจนจบและเขาก็น้อมรับคำสอนของผม แต่ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลยเพราะลูกชายของผมได้ศึกษาเรียนจบชั้นปริญญาตรีและได้เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานด้านคอมพิวเตอร์มีเงินเดือนเป็นของตนเองแล้ว”
นางสมบุญ สีคำดอกแค ประธานสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ประสบการณ์การต่อสู้มากว่า 19 ปีของตน ดวงวิญญาณของคนงานที่เสียชีวิตก็เป็นตัวจุดประกาย เมื่อก่อนสมัย 19 ปีที่แล้ว ถ้ากลุ่มผู้ป่วยฯได้รวมตัวกัน 200 กว่าคน ไปเรียกร้องสิทธิกรณีป่วยจากการทำงานด้วยผลกระทบจากฝุ่นฝ้ายถูกตราหน้าว่า พวกเห็นแก่เงินอยากได้แต่เงินของนายจ้าง ไม่มีการป่วยจริง ไม่ได้สูญเสียปอดจริง เรารู้สึกว่า เราถูกละเมิดสิทธิและถูกดูถูกความเป็นมนุษย์ว่า คนงานต้องเห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้ แต่เงินที่ได้มาไม่คุ้มกับการสูญเสียปอดไปเลยแม้แต่น้อย มันเกิดจากหน่วยงานภาครัฐไม่ยอมรับความจริงเสียมากกว่า ถ้าเขายอมรับความจริงไม่ปกป้องนายทุนมากเกินไปกคงจะส่งผลให้คนงานไม่ต้องมาสูญเสียปอดไปจนถึงทุกวันนี้ และร่วมกันแก้ไขปัญหาเกิดความปลอดภัยในการทำงานดีกว่าปัจจุบันนี้
นางสาวอรุณี ศรีโต ประธานสมาคมส่งเสริมสิทธิชุมชนเพื่อการพัฒนา (สชพ.)กล่าวว่า “ได้เข้าไปพบกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งตอนนั้นเป็นนายกอยู่ ได้ประกาศให้วันที่ 10 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันความปลอดภัยแห่งชาติ และก็ได้เกิดสัปดาห์ความปลอดภัย เพื่อให้คนในสังคมได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยจากการทำงาน พวกเราต้องตื่นตัวเน้นการให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ต้องช่วยกันพูด ต้องช่วยกันเคลื่อนไหวรณรงค์ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ลืมเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นการถ่ายทอดเชิงประวัติศาสตร์ และสร้างคุณค่าให้แก่คนต่อไปได้รับรู้ หลักความปลอดภัยในการทำงาน การรณรงค์เรื่องความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการลืมนั่นเอง ปัจจุบันนี้สื่อมวลชนก็พลอยลืมสัปดาห์วันแห่งความปลอดภัยไปเหมือนกัน เมื่อก่อนนี้มากันเยอะนะแต่ทุกวันนี้ไม่เห็นมีเลย ก็ต้องช่วยกันว่าเราต้องไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะเดียวกันเราก็ต้องมีมาตรการความปลอดภัย”
รศ.มาลี พฤกพงษ์เสวลี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ความใกล้ชิดที่ได้ทำงานร่วมกับศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร ท่านบอกว่า เรื่องนี้ต้องให้ท่านรัฐมนตรีขึ้นมาตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องของเคเดอร์ อาจารย์นิคมก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย มีการประชุมกับพวกวิศวกรที่มาจากเอไอซี เขาก็บอกว่าอุณหภูมิของโรงงานเคเดอร์นี้มัน 200 กว่าองศา ประมาณ 230 องศา และตอนนั้นกฎหมายเรื่องความปลอดภัยของเรามันไม่มีการกำหนดว่าเหล็กเส้นอาคารนี้ต้องหุ้มฉนวนเพราะฉะนั้นเมื่อมันไม่มีการหุ้มฉนวนอุณหภูมิ 200 กว่าองศามันก็เลยทำให้ตึกพังลงมา ซึ่งกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ได้ให้ทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยในสถานประกอบการ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นตลอดเวลา และให้ช่วยกันรณรงค์เรื่องความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมาอีก รวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจตรวจสอบสถานประกอบการให้ได้มาตราฐานเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น
เกศแก้ว ทะเบียนธง นักสื่อสารแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ รายงาน