ปชป.จับมือภาคปชช. ออกแบบประเทศไทย

ประชาธิปัตย์(ปชป.)ชวนประชาชน(ปชช.)ร่วมทำพิมพ์เขียวประเทศไทย หวังสร้างประชาธิปไตยจากฐาน เริ่มจาก 8 กลุ่ม นัดลงพื้นที่ถกทุกกลุ่มหลังปิดสภา

วันที่ 30 มีนาคม 2555 ศูนย์แสดงสินค้าอาคารอิมแพคฟอรัม เมืองทอง ปากเกร็ด นนทบุรี ประชุมเชิงปฏิบัติการ “สมัชชาประชุมชน รวมพลังเดินหน้าประเทศไทย” จัดโดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีผุ้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน ประกอบด้วย 8 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มผู้ใช้แรงงาน 2. กลุ่มเด็กและเยาวชน 3. กลุ่มเกษตรกร 4. กลุ่มผู้หญิง กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้พิการ กลุ่มไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธ์ 5. กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ 6. กลุ่มคนทำงาน 7. กลุ่มอาชีพอิสระ 8. กลุ่มธุรกิจ

1. กลุ่มผู้ใช้แรงงานได้มีการนำเสนอ โดยสรุปได้ดังนี้ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง ปัญหาคนตกงาน ระบบประกันสังคม กองทุนพัฒนาสตรี ซึ่งปัญหาคนตกงานที่ได้รับผลบกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมยังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ยังไม่มีมาตรการแก้ไข รัฐบาลมุ่งเพียงการลงทุน สนับสนุนการลงทุนไม่ได้หันกลับมาดูว่าแรงงานจำนวนมากถูกนายจ้างเอาเปรียบ ฉวยโอกาสเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการว่างงานด่วน เพราะ

ทุกคนต้องการที่จะมีงานทำ เพื่อจะได้มีรายได้เอามาเลี้ยงครอบครัว และจะได้อยู่อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

การปฏิรูประบบประกันสังคม ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่างจริงใจ เพราะว่าแม้รัฐบาลจะมีการลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับประชาชนลงลายมือชื่อ 14000 กว่าชื่อ แต่ยังไม่ถูกนำขึ้นมาพิจารณาในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติที่กำลังจะปิดนี้

ปัญหาค่าจ้างที่เป็นธรรมที่รัฐบาลแม้ประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ ยังไม่เป็นจริงทั้งที่ราคาสินค้าได้มีการปรับตัวขึ้นทุกวัน ตั้งแต่รัฐบาลประกาศนโยบาย มีการปรับขึ้นค่าจ้างในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ทำให้คลุมสินค้าปรับตัวสูงจนค่าแรงขั้นต่ำตามไม่ทัน เสนอให้รัฐบาลมีการดูแลราคาสินค้า และมีการปรับค่าจ้างให้ทันค่าครองชีพที่ปรับตัวขึ้นทุกวัน

ปัญหาการเข้าถึงกองทุนพัฒนาสตรี ที่ในส่วนของกลุ่มผู้ใช้แรงงานไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้เนื่องจาก การมาทำงานต่างถิ่น ไม่มีทะเบียนตามที่อาศัยจริง กลายเป็นประชากรแฝง หากต้องการเข้าถึงกองทุนฯต้องกลับไปรวมกลุ่มในพื้นที่ถิ่นกำเนิดตามทะเบียนบ้าน ทำให้ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์จริง จึงเสนอว่า ให้กลุ่มแรงงานสตรีสมารถรวมกลุ่ม และเสนอความต้องการเข้าถึงกองทุนฯได้ในพื้นที่ที่ทำงานอยู่จริง

2. กลุ่มนักธุรกิจ ได้มีการเสนอให้รัฐมีการจัดหาแหล่งทุนเพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่สังคมอาเซี่ยน วันนี้ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ ทั้งระบบการศึกษาที่ยังมีปัญหา ในการพัฒนาความพร้อมบุคลากรครูที่มีคุณภาพ ไม่ใช่สอบเข้าคณะอื่นๆไม่ได้ครุศาสตร์เป็นเพียง

ทางเลือกสุดท้าย ควรเลือกคนที่มีใจรักที่จะเป็นครู มีการพัฒนาคน เน้นการศึกษาสายอาชีวะเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคนภาพรองรับการจ้างงานที่มีฝีมือ ยกระดับการศึกษาให้เทียบเท่าอาเซี่ยน ยังมีปัญหาเรื่องจริยธรรมเพราะปัจจุบันประเทศไทยเป็นสีเทาๆเกือบดำ ซึ่งต้องช่วยกันแก้ไขเริ่มจากครอบครัว ช่วยกันแก้ไขปัญหา

3. กลุ่มเกษตรกร โดยสรุปยังมีปัญหาเรื่องของการประกันราคาพืชผลเกาตรกร ต้องการให้รัฐบาลนำแนวนโยบายเรื่องของการประกันรายได้เข้ามาใช้ เพาะการที่มีการรับจำนำพืชผลนั้น ทำให้เกิดการคอรับชั่น เกิดการสวมสิทธิ มีการซื้อสิทธิกัน คนของใครก็จะได้รับการดูแลจากกลุ่มนั้น ทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มมากขึ้น

4. กลุ่มอาชีพอิสระ เสนอให้แก้ปัญหาเรื่องการศึกษา และเรียกร้องให้ผั้ประกอบอาชีพ ดารา นักแสดง สื่อมวลชน มีการทำงานมวลชนของตนเอง และให้มีการทำงานแบบเป็นกลางที่รู้ว่าใครไม่ดีต้องกล้าวิจารณ์ รู้ว่าคนดีต้องชม คนไม่ดีต้องวิจารณ์ให้สังคมได้นรับรู้ และต้องการให้รัฐมีการกำหนดค่าจ้างตามฝีมือความสามารถ เพราะผู้ประกอบอาชีพอิสระดารานักแสดง พิธีกรสื่อมวลชน ไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไม่มีสวัสดิการดูแล

5. กลุ่มสตรี,กลุ่มผู้สูงอายุ,กลุ่มคนพิการ,กลุ่มชนเผ่า และชาติพันธ์,กลุ่มคนหลากหลายทางเพศฯลฯ ได้เสนอให้สตรีสามารถเข้าถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี คนไทยพลัดถิ่นต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เกี่ยวกับที่ดิน ที่อยู่อาศัย เพราะวันนี้ยังไม่ได้สัญชาติทำให้ไม่ได้รับการดูแลทั้งกฎหมายและสวัสดิการ กลุ่มผู้สูงอายุ ต้องการให้มีการเพิ่มเบี้ยยังชีพ กลุ่มคนพิการยังต้องการใช้ชีวิตอยุ่อย่างคนปกติเข้าถึงการมีงานทำ ได้รับการยอมรับในความสามารถและใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี กลุ่มหลากหลายทางเพศ เช่น สาวประเภทสอง กระเทย ทอม ดี้ฯลฯ ต้องการการดูแลทางสุขภาพ การรณรงค์เรื่องสุขภาพ การให้ความรู้และป้องกันโรคHIV รัฐต้องมีการจัดสรรเงินทุนในการทำงานรณรงค์ให้การศึกษา เพิ่มมากขึ้น เพื่อการสร้างความเข้าใจ และได้รับการยอมรับจากสังคมในความเป็นตัวตน

6. กลุ่มคนทำงาน ประกอบด้วย ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ มนุษย์เงินเดือน ปัญหาเรื่องของมุมมองการปรับค่าแรงในส่วน 15000 บาท ที่ให้เพียงแค่คนจบปริญญาตรี โดยไม่ได้สนใจเรื่องของประสบการณ์การทำงาน อายุงานทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ยังมีเรื่องของลูกจ้างข้าราชการ ที่ยังไม่ได้รับการดูแล เกิดความแตกแยกในองค์กร ปัญหาเรื่องของหลักประกันสุภาพ กับระบบประกันสังคมที่มีความไม่เท่าเทียมกันด้านสวัสดิการรับต้องมีการทำให้ระบบสุขภาพเป็นระบบเดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

7. กลุ่มทรัพยากรดิน น้ำ ป่า รัฐบาลประกาศเรื่องครัวโลก แต่ประชาชนเกษตรกร ไม่มีที่ทำกิน ประชาชนยังไม่อิ่ม

ท้อง ที่ดินที่ใช้ในการผลิตอาหารกลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยบ้านจัดสรรพ์ ต้องมีนโยบาย ในการดูแลประชาชนที่ไม่มีที่ทำกิน ต้องมีแผนในการพัฒนาที่ดินที่ มีการจัดเก็บภาษีที่ดินแบบก้าวหน้า ใครมีมากต้องจ่ายมาก และที่ดินที่ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์รัฐต้องนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกรเพื่อการใช้ทำการเกษตร การพัฒนาจัดทำโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดินเพื่อคนที่ไม่มีที่ทำกิน

8. กลุ่มเยาวชน เสนอว่ารัฐต้องมีการสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษา แก้ปัญหายาเสพติด ต้องมีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ให้โอกาสเหยื่อ ต้องมีการดูแลรักษาและฟื้นฟู สภาพจิตรใจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวในงาน “จับมือรวมพลัง ออกแบบประเทศไทย”ว่าตลอดเวลาการทำงาน 66 ปีของพรรคฯได้ยืนเคียงข้างประชาชน และยังคงยืนหยัดต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทหารหรือว่าเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตย พรรคเน้นให้ความสำคัญกับภาคประชาชน การจัดแประชุมสมัชชาฯ เพื่อสร้างกระบวนการทำงานพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด เป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อจัดทำพิมพ์เขียวประเทศไทย

วันนี้ประชาชนได้กล่าวถึงความเดือดร้อน ค่าครองชีพสูง ข้าวของราคาแพงทั้งแผ่นดิน ยังไม่ได้รับการแก้ไข ประชุมชนรู้สึกผิดหวังกับการเมืองที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องเท่าที่ควร คำนึงถึงแต่เรื่องของการแก้ปัญหาลบล้างความผิดบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เราจะเห็นว่า การเมืองยังยึดอยู่กับผลประโยชน์ภาคการเมืองมากกว่าคุณภาพชีวิตของภาคประชาชนสุดท้ายก็ทำร้ายประชาชน คือ การเมืองที่ไม่สุจริต ผูกขาด เช่นกรณีแผนการฟื้นฟูอุทกภัยน้ำท่วม ที่ยังรัฐยังไม่สามารถเปิดเผยแผนงานให้ประชาชนได้รับรู้ และตรวจสอบการทำงานตามแผนงานได้ วันนี้ข้อมูลข่าวสารการทำงานของรัฐบาลยังไม่ถูกนำออกมาเปิดเผยให้ประชาชนเข้าถึงตรวจสอบได้จริง

ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ได้กู้เงินจำนวนมากเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาประเทศ และเป็นจำนวนเงินมหาศาล ในฐานะประชาชนที่ต้องเสียภาษี และกลายเป็นบุคคลที่เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการนำภาษีของประชาชนไปทำอะไรบ้าง แก้ปัญหาให้ใคร แล้วอย่างไร นี้ก็คือความรู้สึกและคำถามของประชาชนต่อรัฐบาล ความยากจนของประชาชนจะแดงทั้งแผ่นดิน ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่ารายได้ คงต้องหยุดและพอโดยการร่วมกันออกแบบสร้างพิมพ์เขียวให้ประเทศไทย ขอเสนอการสร้างฐานรากของประเทศที่ประกอบด้วย 4 รากฐานสังคม 3 รากฐานเศรษฐกิจ 2 รากฐานการเมือง และ 1 การก้าวสู่ประตูอาเซี่ยน รวม 10 เด็นดังนี้

4 รากฐานสังคม ประกอบด้วย

1 สังคมอบอุ่นปรองดอง คือ ต้องการให้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่า จะมีความแตกต่างทางความคิด เป็นการปรองดองโดยไม่ใช้เสียงส่วนใหญ่ข่มขู่ ใช้อำนาจและอย่าให้ใครปล้นคำว่าปรองดอง การปรองดองแรกเริ่มจากครอบครัวเด็กที่ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำให้เกิดปัญหาขาดความอบอุ่น ไม่มีคนดูแล พรรคคิดว่า ต้องมีการทำให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน ด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในชุมชน โรงงานย่านอุตสาหกรรม เมื่อพ่อแม่ทำงาน ลูกจะมีคนดูแล มีความใกล้ชิดพ่อแมไม่ต้องให้กลับไปอยู่ต่างจังหวัด มีความรักความเข้าใจได้ครอบครัวอบอุ่นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก

2 วางรากฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยเริ่มจากการจัดการระบบการศึกษา เด็กได้รับการพัฒนา ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งต้องมีการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ ซึ่งพรรคฯยังทำไม่เสร็จ มีการให้ความสำคัญเรื่องของการศึกษาสายอาชีพ เพื่อการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม

3 สังคมสวัสดิการ คือ มีการพัฒนาระบบสวัสดิการความเท่าเทียม เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการทั่วหน้า การวางรากฐานสวัสดิการที่พรรคการเมืองทุกพรรคต้องทำ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงยี่ห้อ หลักประกันสุขภาพการรักษาฟรี แต่ด้วยยี้ห้อตนไม่เห็นด้วยว่าจะต้องกลับมาเก็บเงิน 30 บาทรักษาทุกโรค ควรมีการพัฒนาระบบสวัสดิการให้มีการดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

4 วางรากฐานสังคมเป็นธรรม ปัญหายังมทีประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการปัญหาปากท้องที่ทำกิน ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ทางพรรคได้มีการดำเนินการให้มีการกำหนดให้มีโฉนดชุมชน และคิดว่า ควรมีการจัดทำธนาคารที่ดิน สำหรับคนที่ไม่มีที่ทำกิน แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีการดำเนินการต่อเรื่องการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีที่ดินแบบก้าวหน้าเพื่อให้คนที่มีที่ดินมากต้องจ่ายมาก โดยเฉพาะที่ดินที่ไม่ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์ เป็นต้น

3 รากฐานแนวคิดทางเศรษฐกิจ

1 รากฐานเกษตรกรเข้มแข็ง ตามที่เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลมีการประกันรายได้ และไม่เอาเรื่องของการรับจำนำ เนื่องจากมีระบบที่ไม่เป็นธรรม มีการสวมสิทธิ เลือกพรรคเลือกพวก การเข้าคิวรอจำนำ และให้ลาน โรงสี โรงงานกำหนดโคต้ารับไม่รับ กดราคา หากมีการประกันรายได้เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นปัญหาการเททิ้งพืชผลผลิตของเกษตรกร เป็นการปรับโครงสร้างทางรายได้ของเกษตรกร

2 รากฐานทางเศรษฐกิจเชิงนวตกรรม ประเทศไทยต้องเปลี่ยนการต่อสู้ด้านการตลาดด้านค่าแรงต่ำ ไม่ใช่แค่การส่งอะไหล่ ประกอบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างรายได้บนความคิด เป็นการต่อสู้ทางฝีมือศักยภาพทักษะแรงงานการมีโครงสร้างค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม เพื่อการสร้างตลาดภายในด้วย

3 รากฐานสีเขียว คือการพัฒนาออกแบบประเทศไทยเสียใหม่ ว่าตรงไหนคือป่า ตรงไหนคือพื้นที่เสื่อมโทรม พื้นที่ว่างเปล่า ต้องมีการสร้างพื้นที่สีเขียวมีนโยบายปลูกป่าอย่างจริงจังมากขึ้น พื้นที่ที่เหมาะสมในการทำด้านเกษตร มีการใช้พื้นที่ให้เหมาะสม ต้องไม่มีหมอกควันจากการเผาป่า ระบบอุตสาหกรรมสีเขียว

เป็นมิตรต่อทรัยากรและสิ่งแวดล้อม มีระบบป้องกันน้ำท่วม ซึ่งการปลูกป่าเพิ่มสามารถเป็นกำแพงป้องกันน้ำท่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม

2 รากฐานทางการเมืองภาคประชาชน

1 รากฐานการเมืองเสรี ด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข สร้างความเป็นประชาธิปไตยที่ต้องอยู่ในหัวใจของทุกคน ไม่ใช่ปราธิปไตยภายใต้เสื้อคลุมที่ซ่อนคนที่มีใจเป็นเผด็จการ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบเสียงมากลากไป การเมืองเสรี ต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสร้าง ร่วมสู้ ให้เกิดประชาธิปไตยจากประชาชนจริง

2 รากฐานการเมือง รัฐบาลต้องมีการบริหารงานที่โปร่งใส ยุติธรรม ต้องให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากกว่านี้ ซึ่งภาคประชาชนต้องมีการผลักดันให้รัฐมีการชี้แจงการทำงาน การใช้งบประมาณ การกู้เงินมาเพื่อการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศ การเมืองการมีส่วนร่วมของประชาชนกับการบริหารประเทศคงไม่ใช่แค่การเลือกตั้งแล้วจบ ต้องมีการสร้างขบวนการมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ เพื่อความโปร่งใส ไม่ใช่ใครทำผิดไม่เป็นไร มีอำนาจเมื่อไรสามารถล้างผิดได้ ต้องไม่มีการบริหารงานแบบสองมาตรฐาน ไม่ใช่ตัดสินเราผิดเป็นสองมาตรฐาน ต้องให้ระบบกฎหมายเดินอย่างตรงไปตรงมา รากฐานการเมืองที่สำคัญคือรัฐต้องโปร่งใส ยุติธรรม

1 รากฐานการเป็นศูนย์กลางอาเซี่ยน เพื่อการเป็นศูนย์กลาง ประเทศไทยต้องจับมือกับ 10 ประเทศเป็นหนึ่งเดียว ผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระบบขนส่ง ประเทศไทยได้มีการจับมือกับประเทศจีนสร้างระบบการขนส่งรถไฟความเร็วสูงเส้นทางถึงสิงคโปร์ มีระบบเชื่อมโยงโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเป็น 10 ฐานรากที่สำคัญในการพัฒนา ที่มีประชาชนเป็นผู้ร่วมออกแบบ หลังจากปิดประชุมสมัยสามัญนิติบัญญัตินี้ ทางพรรคฯจะเดินสายจัดประชุมร่วมกับประชานทุกกลุ่ม ทุกสี เพื่อร่วมกันออกแบบเดินหน้าประเทศไทยร่วมกันอีกครั้ง

นักสื่อสารแรงงาน โครงการการพัฒนาสื่อ รายงาน