เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ร่วมกับสำนักรับฟังและการมีส่วนร่วมไทยพีบีเอส จัดการเสวนาโครงการ “ บทเรียนจากโครงการการพัฒนาสื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนขบวนการแรงงาน ” สนับสนุนโดย แผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน ณ ห้องประชุมBriefing อาคารอำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย มีนักวิชาการ นักข่าวสื่อกระแสหลัก ผู้นำแรงงานและนักสื่อสารแรงงานจากศูนย์ข่าวต่างๆ เข้าร่วมราว 30 คน
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ รองผู้อำนวยการไทยพีบีเอส กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ “ วันนี้ที่ทุกท่านได้มาสรุปบทเรียนก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนงานด้านแรงงานต่อไป ไม่ว่าจะผ่านสื่อสาธารณะแห่งนี้หรือสื่ออื่น เพราะทุกวันนี้มีสื่อใหม่เกิดขึ้นเยอะ เทคโนโลยีไปไกลมากและสามารถเชื่อมโยงประชาชนถึงสถานการณ์ได้ง่ายขึ้นในชั่วพริบตาเป็นการสื่อสารที่กว้างไกลมาก ในช่วงเวลาที่ทุกท่านจะสรุปบทเรียนคิดว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์หลังจากที่ได้ทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนักข่าวพลเมือง ในส่วนที่ได้ไปสื่อสารกับพี่น้องแรงงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับภารกิจในการขับเคลื่อนสังคมร่วมกัน ”
ด้านผศ.ดร.นภาพร อติวานิชยพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้ทำงานวิจัยกล่าวว่า เป็นการสำเร็จของโครงการที่มีการทำงานที่แตกต่างจากสื่อทั่วไปและทุกองค์กรที่รับผิดชอบโครงการนี้ก็มีความตั้งใจจริงเข้าใจธรรมชาติของคนงานมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันมา ทำให้การมาบริหารงานได้ดีขึ้น แม้ว่าโครงการจะได้รับการประเมินว่าประสบความสำเร็จในการสร้างนักสื่อสารแรงงานเพื่อสร้างสื่อของขบวนการแรงงาน แต่สำหรับในระยะเวลา 2 ปียังไม่พอจำเป็นต้องทำงานต่อไปสักระยะเพื่อนำไปสู่การทำงานในอนาคตและความเข้มแข็งในขบวนการแรงงาน แต่การทำงานสื่อจะพัฒนาได้ต้องรับการสนับสนุนจากองค์กรแรงงานจากทุกระดับ
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยได้แสดงความคิดว่า ในอดีตที่ผ่านมาสื่อสาธารณะไม่เข้าใจพื้นฐานของคนงานเวลามีปัญหาในเรื่องของสังคมที่มองแรงงานเป็นคนเกเร มีอะไรก็ประท้วงหรือปิดถนน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องผลิตนักสื่อสารแรงงานขึ้นมาดีกว่าไปโทษสื่อกระแสหลัก การทำสื่อจำเป็นต้องนำเสนอข้อเท็จจริงนำเสนอปัญหาของแรงงานที่ถูกกระทำ ในปัจจุบันนายจ้างเริ่มเข้ามาดูข่าวแรงงานมากขึ้นเพื่อต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ใช้แรงงาน วันนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จมากในการมีนักสื่อสารแรงงานและยังต้องมีการพัฒนาต่อไปโดยต้องมีการคัดเลือกคนที่จะเข้ามาทำงานอย่างมีคุณภาพ สุดท้ายก็ต้องหาทุนเพื่อให้มาดำเนินการด้านสื่อสารแรงงานต่อไป
นายวิชัย นราไพบูลย์ ผู้จัดการโครงการการพัฒนาสื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนขบวนการแรงงาน “ ได้มีแนวคิดการสร้างนักสื่อสารแรงงานมานานเนื่องจากพิพิธภัณฑ์ฯ มีวัตถุประสงค์คือต้องการให้สังคมรับรู้คุณค่าของผู้ใช้แรงงานเพราะว่ามีการขาดหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์แรงงานไทยไม่มีการสื่อสารไม่มีการบอกเล่าทั้งๆที่เป็นส่วนที่พัฒนาประเทศ การฝึกอบรมจากพื้นฐานโดยใช้สถานที่ของพิพิธภัณฑ์ฯ จนปัจจุบันได้มีโครงการพัฒนาสื่อขึ้นมา และสามารถผลิตนักสื่อสารแรงงานได้รุ่นแรกขึ้นมาและต้องมีการพัฒนาออกไปอีกขั้นหนึ่งต่อไป ”
นายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย เลขาธิการสหพันธ์แรงงานปิโตเลียมและเคมีภัณฑ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำงานสื่อสารแรงงานมีทั้งด้านบวก คือสังคมได้รับรู้ธรรมชาติของแรงงานมากขึ้น ด้านลบคือสิ่งที่ยังเรียนรู้ไม่ถึงและเป็นช่องว่างเช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งจริงๆผู้นำแรงงานหรือนักสื่อสารแรงงานถูกตั้งความคาดหวังผู้จัดการโครงการเป็นอย่างมาก แต่ยังมีบางเรื่องที่ต้องเรียนรู้เช่นการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ การส่งข่าวที่รวดเร็วเพื่อให้ทันเหตุการณ์ สิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีคือการถ่ายทอดงานข่าวได้สร้างสรรค์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยฯ เรื่องการช่วยเหลือสังคม ทำให้สังคมเริ่มมีทัศนคติที่ดีขึ้น การผลิตนักสื่อสารแรงงานจำเป็นต้องมีทุนเข้ามาสนับสนุนเพื่อให้มีขบวนการนี้ได้เดินไปได้โดยนักสื่อสารแรงงานไม่ต้องเดือนร้อนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำงาน ”
นักสื่อสารแรงงานศูนย์พื้นที่สระบุรี รายงาน