สังคมในปัจจุบัน วิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปอาจมาจากหลายสาเหตุ หลายความเชื่อ ที่ทำให้คนในหลายชาติขาดความรักขาดความสามัคคีกัน “เงิน” ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ เงินมีอำนาจ มีอิทธิพลกับคนในทุกชาติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “หม่องซาน” ก็ทำให้เห็นได้ชัดว่า“เงิน” ทำให้คนเราสามารถทำอะไรก็ได้แม้จะเป็นความเดือดร้อนของคนชาติเดียวกัน
หม่องซาน (นามสมมุติ ) เป็นชาวพม่าที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร ไม่มีพาสปอร์ต มีแค่ใบยืนยันสัญชาติเท่านั้น หม่องซานทำงานมาแล้วถึง 3 บริษัท เริ่มงานที่บริษัทแรกได้ไม่นานก็ออกมาทำที่บริษัทอีกแห่งหนึ่ง ทำงานได้แค่ 6 วัน นิ้วชี้ข้างขวาก็โดนเครื่องจักรทับจนปลายเล็บนิ้วชี้ขาด หม่องซานไปบอกหัวหน้างานที่เป็นชาวพม่าด้วยกันแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจและให้ไปหาหมอเอง หม่องซานพูดไทยไม่ค่อยได้ทำให้ไม่เข้าใจในกฎเกณฑ์การลางานจึงไม่ได้ขอใบรับรองแพทย์มา และหยุดงานไป 7 วัน พอกลับมาทำงานหัวหน้างานชาวพม่ากลับบอกว่าหยุดงานเกินต้องออกจากงาน ความที่หม่องซานไม่เข้าใจกฎระบียบต่างๆก็เลยไม่ได้ไปทำงานทำให้ถือว่าเป็นการขาดงาน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น หัวหน้าที่เป็นชาวพม่าดำเนินการเองทั้งหมดโดยที่ฝ่ายบุคคลไม่รู้เรื่องการหยุดงานของหม่องซานเลย
หลังจากนั้น หม่องซานก็ได้ไปสมัครทำงานที่บริษัทอีกแห่งหนึ่ง โดยที่ยังไม่ได้ใบส่งตัวตั้งแต่ออกจากบริษัทแรก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดปัญหาอย่างมากกับหม่องซานที่จะไปเรียกร้องขอค่าจ้างที่ทำค้างไว้ 6 วันจากบริษัทแห่งที่ 2
ต่อมาเมื่อราวเดือนมีนาคม 2555 หม่องซานได้ให้ข้อมูลเมื่อตอนไปปรึกษาทีมทนายและฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ของกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ได้ความว่า หัวหน้างานที่เป็นชาวพม่าเป็นนายหน้าหาคนงานพม่ามาทำงานโดยเรียกเก็บค่านายหน้า แต่ถ้าทำงานไม่ถูกใจก็จะไล่ออก รับคนใหม่มาก็เก็บเงินค่าหัว จะเก็บเท่าไหร่ก็ได้ถ้าไม่พอใจก็ไล่ออกแล้วรับคนใหม่เก็บเงินค่าหัวได้อีก โดยที่ฝ่ายบุคคลไม่เคยเรียกคนงานมาถามเหตุผลของการออกงานเลย เหตุการณ์เป็นอยู่อย่างนี้นานแค่ไหนไม่มีใครรู้