นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการจ้างงานของกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยเน้นย้ำรัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องแรงงานนอกระบบอย่างจริงจัง และส่งเสริมพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน ให้มีหลักประกันที่มั่นคงในการทำงาน
วันที่ 5 ตุลาคม 2555 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน ร่วมกับเครีอข่ายแรงงานนอกระบบ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส.) จัดสมัชชาแรงงานนอกระบบระดับชาติ เพื่อสร้างกระแสให้เป็นวาระสังคม เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะสื่อสารและสร้างการเรียนรู้สู่สังคมให้เห็นมูลค่าและคุณค่าที่มีอยู่ในตัวตนของแรงงานนอกระบบ ยื่นเจตนารมณ์และข้อเสนอนโยบายต่อนายกรัฐมนตรี
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้มาพบพี่น้องแรงงานนอกระบบ ที่มาวันนี้ก็จะมาพูดถึงหลักประกันชีวิต สิทธิแรงงานนอกระบบ สุขภาพ สวัสดิการและงานที่มั่นคง รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจ้างงานนอกระบบ และทราบมาว่าแรงงานนอกระบบยังต้องการความช่วยเหลืออีกเยอะและเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องแก้ไขและพัฒนา และอยากให้เห็นการทำงานร่วมของทุกภาคส่วนในการที่จะช่วยเหลือกัน รวมถึงอีกหลายหน่วยงานที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง การจัดระบบสุขภาพแรงงานนอกระบบ คุณภาพชีวิตที่ดีต้องมีความห่วงใย และบูรณาการในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานและการจัดการด้านสุขภาพ และประกันสังคมมาตรา 40 ให้พัฒนา ส่งเสริมรายได้แรงงานนอกระบบในการสร้างอาชีพ รายได้ และพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อก้าวไปสู่มาตรฐานเพื่อทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อรวมกลุ่มกันแล้วจะทำให้มีหลักประกันในเรื่องรายได้ หลักประกันในด้านสุภาพในเรื่องประกันสังคมที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับพี่น้องแรงงานนอกระบบเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และบูรณาการสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้กับประชาชน เพื่อให้พี่น้องแรงงานทุกกลุ่มเข้าถึงการบริการอย่างแท้จริง อีก 3 ปีข้างหน้าประเทศต้องก้าวไปสู่ประชาคมอาเซี่ยน ต้องฝากทุกท่านที่เกี่ยวข้องต้องพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อก้าวเข้าไปสู่การเป็นมืออาชีพ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนในปัญหาของพี่น้องทุกอาชีพ
นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานศูนย์ประสานงานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ฯพณฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดงานสมัชชาแรงงานนอกระบบ การจัดงานในครั้งนี้ดังที่ท่านได้รับทราบ ปัจจุบันแรงงานนอกระบบยังเข้าไม่ถึงการบริการและสวัสดิการของภาครัฐในหลายด้าน ซึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม รายได้ที่ไม่เพียงพอ และการเข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆ รวมถึงการจ้างงานที่ซับซ้อนในการจ้างงานนอกระบบ การดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบเริ่มเมื่อปี 2548 และขยายสู่ท้องถิ่นทั้ง 4 ภูมิภาคและกรุงเทพฯ ในการสร้างหลักประกันคุณภาพชีวิต ขณะเดียวกันรัฐควรส่งเสริมการจัดการอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพแรงงานนอกระบบ ในการพัฒนาศักยภาพและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองต่อการมีรายได้และอาชีพที่มั่นคงและเป็นธรรม และอยากให้คณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ เร่งดำเนินการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการในระดับชาติและระดับจังหวัด รวมถึงองค์กรแรงงานนอกระบบ เพื่อเป็นกลไกการนำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ ( พ.ศ.2555-พ.ศ.2559 ) สู่การปฏิบัติจริงและเป็นไปตามเป้าประสงค์ที่กำหนด และประกาศเจตนารมณ์
1.ขยายการจัดการบริการสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้กับแรงงานนอกระบบ
2.เร่งรัดการสร้างหลักประกันสังคมในเรื่อง “ บำนาญชราภาพ ” และ “ การประกันสังคมถ้วนหน้า ” สำหรับแรงงานนอกระบบเพื่อเป็นหลักประกันในระหว่างทำงานและเมื่อเกษียณอายุการทำงานเพื่อเป็นมาตรการรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในอีก 10 ปีข้างหน้า
3.บริหารจัดการและบูรณาการเพื่อประสานและจัดทำยุทธศาสตร์การจัดการอาชีพชุมชน โดยยกระดับให้เป็นกลุ่มหรือผู้ประกอบการเพื่อสังคม
4.เร่งรัดการจัดคณะอนุกรรมการในระดับชาติและระดับจังหวัด และองค์กรแรงงานนอกระบบในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นกลไกนำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบสู่การปฏิบัติจริง
มีการเสวนานโยบาย “รุกเพื่อลด” : ซุปเปอร์ “อ” & ท้องถิ่น :การจัดการอาชีวอนามัยเชิงรุก ภาระและความเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงและจัดการได้ โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาทั้งทางภาครัฐ ตัวแทนของแรงงานนอกระบบ ซึ่งในการเสวนากล่าวถึงการดูแลสุขภาพให้ปลอดจากสารเคมีให้มากที่สุด เช่นการปลูกกะหล่ำปลีที่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งนางสาวดำรง ทาแน่น ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโนนทัน จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ลงพื้นที่ให้ความรู้กับคนในชุมชนก่อนครั้งแรกคนในหมู่บ้านใช้ยาฆ่าแมลงเยอะ และนายแพทย์ ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ใช้วิธีที่ไม่ต้องใช้สารเคมีด้วยการใช้ขวดน้ำตัดและเอากากน้ำตาลมาใส่ในขวด 1 ส่วน น้ำ 2 ส่วน เพื่อให้หนอนผีเสื้อที่จะไปเกาะกะหล่ำปลีมาลงที่กากน้ำตาล เมื่อในขวดมีหนอนเยอะก็จะนำหนอนที่ตายแล้วไปทำปุ๋ยชีวภาพต่อไป เมื่อปลัดและ อาสาสมัครอาชีวอนามัยในชุมชน (อสอช.) ลงพื้นที่ให้ความรู้ ปฏิบัติอย่างจริงจังบอกถึงข้อดีข้อเสียของสารเคมีที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ในชุมชนปลอดจากสารเคมี และยังมีข้อเสนอจากแรงงานนอกระบบที่อยู่ในห้องประชุมถึง เรื่อง การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติให้แรงงานใช้ได้จริง และให้กำนันผู้ใหญ่บ้านสำรวจคนในท้องถิ่นว่ามีแรงงานนอกระบบกี่คนและจัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยให้คนในชุมชนได้รับทราบไม่ต้องรอให้เกิดเรื่องก่อนจึงป้องกัน และอยากให้องค์กรต่างๆจับมือกันเป็น NGO เพื่อร่วมกัน สร้าง นำ ซ่อม ตามนโยบายที่ได้มีการนำเสนอและจะได้ช่วยกันผลักดันให้เป็นจริงโดยเร็วเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานทุกคน ซึ่งทางตัวแทนรัฐบาลโดย นายดำรงค์ เปรมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานได้รับเรื่อง และปากว่าจะติดตามความคืบหน้าในนโยบายที่แรงงานนอกระบบได้เสนอมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นมีเวทีเสวนานโยบาย “ จากปฏิบัติการสู่การพัฒนานโยบาย และการนำนโยบายสู่การปฏิบัติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ” โดยนางสาวอรุณี ศรีโต ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ เขตปริมณฑล กล่าวว่าที่ผ่านมากองทุนการออมแห่งชาติ เป็นกองทุนเงียบเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ ต่อไปนี้ขออย่าให้เป็นกองทุนเงียบให้มีการประชาสัมพันธ์ให้มากหน่อย ขอให้ปลดล็อคเรื่องระเบียบจะได้มีคนเข้าไปสมัครกันมากกว่านี้ และมาตรา 40 อยากให้มีมาตรฐานเดียวกันกับมาตรา 33 จะทำอย่างไรให้รัฐบาลมีนโยบายถาวรในการสมทบไม่ใช่ชั่วครั้งชั่วคราว นางสาวอรุณี กล่าวว่า “อยากให้ลดเรื่องความเหลื่อมล้ำแบบ บ่าวกับไพร่ คนรวยกับคนจนต้องเสมอภาคกัน รัฐบาลต้องเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน และให้จัดสรรที่ดินของคนรวยมาให้กับคนจนเพื่อคนจนจะได้มีที่ทำกิน ต้องฝากทางกระทรวงทุกกระทรวงให้นำกลับไปพิจารณาและเร่งแก้ไขเพื่อแรงงานนอกระบบทุกคนจะได้มีชีวิตที่ดีขั้น”
1. การขยายระยะเวลาการสมัครเป็นผู้ประกันตน มาตรา 40 จากเดิม ผู้สมัครเป็นผู้ประกันตนต้องมีอายุ 15- 60 เสนอให้ขยายระยะเวลาขอบเขตอายุให้มากขึ้น
2. อยากให้เพิ่มอาสาสมัครประจำท้องถิ่นพร้อมอบรมให้มีความรู้ ความเข้าใจเมื่อลงพื้นที่จะได้ให้ความรู้กับคนในชุมชนได้ถูกต้องชัดเจน
3. อยากให้เพิ่มจุดชำระเงินให้มีความสะดวกและมีทุกชุมชน เพาระเวลาจะนำเงินส่งสมทบต้องเดินทางไกลจากที่พัก เสียค่าเดินทางมากกว่าเงินสมทบ
4. กรณีเจ็บป่วย มาตรา 33 มาตรา 39 มีใบรับรองแพทย์ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็สามารถเบิกเงินได้ แต่ มาตรา 40 เวลาเจ็บป่วยแล้วไม่ได้นอนโรงพยาบาล ก็จะไม่ได้เงินต้องนอนโรงพยาบาลเท่านั้น อยากให้ปฏิบัติแบบเท่าเทียมกันไม่อยากให้เลือกปฏิบัติ
นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวยืนยันว่ากองทุนการออมอายุเท่าไหร่ก็สมัครได้ และมาตรา 40 ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ยืนยันว่าสิทธิของท่านไม่หายแน่นอนเมื่อเป็นผู้ประกันตน และถ้าจะสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนอายุเกิน 60 ปี ต้องไปดูกฎหมายว่ามีการแก้ไขแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่แก้ก็สมัครไม่ได้ และถ้าอยากให้มีการแก้ไขโดยเร็วก็ต้องใช้พลังในการผลักดัน รวมถึงตอบปัญหาข้อสงสัยของผู้เข้าร่วม ซึ่งมีประเด็นแลกเปลี่ยนที่แรงงานนอกระบบต้องการให้รัฐบาลส่งเสริม และบางส่วนต้องแก้ไขเพิ่มเติมจากของเดิมที่มีอยู่ รัฐบาลก็รับปากพร้อมเร่งนำไปพิจารณา
นักสื่อสารแรงงานศูนย์อ้อมน้อย – อ้อมใหญ่ รายงาน