ชีวิตที่ต้องสู้ของสาวนวดแผนโบราณ

นางดาวใจ นามสมมุติ อายุ 43 ปี ทำอาชีพหมอนวดแผนโบราณ ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุพรรณบุรี เธอทำงานที่รีสอร์ทได้ 4 ปีแล้ว พร้อมกับทำไร่อ้อย คู่กัน

 

เดิมนางดวงใจประกอบอาชีพทำไร่อ้อยของตนเอง ซึ่งรายได้จากการทำไร่อ้อยไม่เพียงพอในการเลี้ยงชีพ และส่งลูก 2 คน เรียนหนังสือได้ เพราะการทำไร่อ้อยจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น เธอจึงต้องการหาอาชีพเสริม โดยการเข้ามาสมัครงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ได้รับหน้าที่ให้ดูแลทำความสะอาดห้องพัก ถอนหญ้าในสนามกอล์ฟ และทำหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมกับรับค่าแรงวันละ 140 บาท

ในเวลาต่อมานางดวงใจได้สร้างโอกาสให้กับตนเองเรียนรู้ และฝึกฝนที่จะเรียนนวดเมื่อรีสอร์ทได้จ้างครูมาสอน นางดวงใจเล่าว่า “ในครั้งแรกที่เรียน เครียดและท้อมาก เนื่องจากทำไม่ได้ตามที่ครูสอน การนวดมีหลายท่า และต้องใช้แรงเยอะในการกดจุดต่างๆ อีกทั้งในการนวดแต่ละอย่างมีจุดในการกดหลายจุด เช่น นวดฝ่าเท้า มี 26 จุด ในช่วงแรก ๆ เธอต้องกินยาพาราเซตามอล วัน 5-6 เม็ดเลยทีเดียว  แต่ในที่สุดเธอก็ทำการฝึกสำเร็จผ่านหลักสูตร โดยใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน

นางดวงใจเล่าว่า ใน 1 วัน เธอต้องตื่นนอนเวลา 04.00 น. เข้าไร่อ้อยเพื่อ ถอนหญ้า ดูแลต้นอ้อย และเมื่อใกล้เวลา 08.00 น. นางดวงใจจะมาทำงานที่รีสอร์ทโดยได้รับหน้าที่เป็นหมอนวดแผนโบราณ แต่ถ้าไม่มีแขกมาใช้เวลา เธอก็จะไปทำความสะอาดห้องพัก เมื่อมีแขกมาออกรอบตีกอล์ฟ เธอก็จะไปเป็นแคดดี้ ออกรอบ ซึ่งจะทำหน้าที่หลากหลายในรีสอร์ท และได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 6,900 บาท เมื่อเลิกงานในตอนเย็นจากรีสอร์ท เธอจะเข้าไร่อ้อย จนพลบค่ำ โดยจะทำแบบนี้ทุกวัน เพื่อหาเงินสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี นี่คือสิ่งที่เธอคาดหวังและภาคภูมิใจที่สุดเมื่อเห็นลูกเรียนจบปริญญาตรี

ศรีประภา แสงสว่าง นักสื่อสารสหกรณ์แรงงานไทยเรยอน รายงาน