คสรท.ปรับยุทธศาสตร์รับทศวรรษใหม่

เมื่อวันที่  24 มิถุนายน  2555 ณ.ห้องรัชดาแกรนด์ บอลรูม โรงแรมเจ้าพระยา ปาร์ค คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)  ร่วมกับ  มูลนิธิฟรีดริด เอแบร์ท(FES.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งที่  1 เรื่องแผนการจัดทำยุทธศาสตร์สู่ทศวรรษใหม่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ในครั้งนี้มีแกนนำกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย -อ้อมใหญ่ เข้าร่วม กว่า 20 คน และ สหภาพแรงงาน กลุ่มสหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เข้าร่วมราว 300 คน

นายชาลี  ลอยสูง  ประธาน  คสรท.   กล่าวว่า สมานฉันท์แรงงานไทยต้องมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งในเรื่องของทศวรรษใหม่  ใน 10 ปีที่ผ่านมามองเห็นความเป็นเอกภาพขององค์กรของเรา  สมานฉันท์ก็ได้มีวัตถุประสงค์และขับเคลื่อนมาโดยตลอด  จะทำอย่างไรให้เครือข่ายมีความเข้มแข็ง  และจะทำอย่างไรให้มีสิทธิเสรีภาพ  แต่ในเรื่องของการปฏิบัติยังไม่เกิด  เพราะถูกเอารัดเอาเปรียบถูกกระทำมาอย่างต่อเนื่อง  แรงงานถูกกระทำย่ำยีมาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นแรงงานภาคเกษตร  นอกระบบ หรือรับงานไปทำที่บ้าน  แม้แต่รัฐวิสาหกิจเราก็ถูกแบ่งแยกออกไป เพื่อให้ขบวนการแรงงานอ่อนแอ คณะกรรมการสมานฉันท์ฯยังยืนหยัดอยู่บนขาตัวเองและการผลักดันนโยบายเรื่องต่าง ๆ ในเรื่องทุนเศรษฐกิจ  มีความก้าวหน้าไปมาก ยกเว้นแรงงาน  ที่ยังคงถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ทุกวันนี้ 

วันนี้แรงงานทั่วโลกมีปัญหาเรื่องค่าแรง  เป็นปัญหาทั่วโลก  กลุ่มทุนก็มีวิธีมาทำให้แรงงานมีความอ่อนแอลง โดยกฎหมายไม่เอื้อให้กลุ่มอื่นๆ เข้ามารวมกับเรา  ฉะนั้นสมานฉันท์แรงงานไทยเราไม่ข้างหน้าคงจะต้องมีความเด่นชัดมากขึ้น และต้องมีการลงพื้นที่ไปดูพี่น้องว่าเขามองสมานฉันท์เป็นอย่างไร  การทำงานเป็นอย่างไร  ในอีก 6 เดือนข้างหน้าเราจะมีแผนลงไปพบพี่น้องแรงงานทุกภาคส่วน และเอาความเห็นมาเป็นยุทธศาสตร์เพื่อให้เป็นเอกภาพในการขับเคลื่อนต่อไป  สมานฉันท์เป็นบ่อเกิดการรวมพี่น้องของเราทุกาภคส่วนเป็นอันเดียวกัน        เป้าหมายเดียวกัน  คณะกรรมการมีมติเป็นอย่างไรในเรื่องตัวขับเคลื่อน แต่ภารกิจของคณะกรรมการของเราในอนาคต 

นางสาวปรีดา  ศิริสวัสดิ์ มูลนิธิ  FES.  กล่าวว่าเราจะรักษามรดกที่ได้รับมาจากแรงงานรุ่นก่อนเพื่อให้สืบทอดต่อไปยังแรงงานรุ่นหลังไว้อย่างไรก็ถือว่าเป็น คุณค่าที่สำคัญของกระบวนการแงงานทำให้อยู่ยง  ถือว่าเป็นปึกแผ่นสมานฉันท์  การรักษาไว้ได้คือ  ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว  แต่การที่เรามีโครงสร้างองค์กรที่เป็นประชาธิปไตย  ดังนั้นคณะกรรมการฯ จึงอาจ กล่าวได้ว่าเป็นทิศทางทีสอดคล้องกับแนวคิดของแรงงานสากล  สามารถเป็นปากเป็นเสียงให้แรงงานถือว่า เป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว  และวันนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเป็นยุคที่ทุนต่าง ๆ ครองโลก  ว่าการทำงานแรงานไม่ใช่การทำงานเพื่อให้เสร็จ ๆไป  แต่เป็นการทำงานตามความเรียกร้องและทำให้ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จขององค์กร  และหลังจากนั้น พิธีกรประกาศรายชื่อองค์กรสมาชิก โดยให้องค์กรถือธงขึ้นบนเวทีเพื่อแสดงจุดยืนขององค์กร

นายศักดินา  ฉัตรกุล  ณ  อยุธยา นำเสนอบทวิเคราะห์ทางวิชาการ  เรื่อง  “อดีต  ปัจจุบัน  และอนาคตของขบวนการแรงงานไทย เป็นแรงงานที่เกิดจากการรับจ้างมา  200 กว่าปี  คนไทยยังถูกพันธนาการอยู่กับที่ดินเทือกสวนไร่นา  เพราะเรามีระบบไพร่  คนไทยจึงไม่นิยมเป็นลูกจ้างจึงนำแรงงานจีนเข้ามาถือว่าเป็นบิดาแห่งแรงงานไทย   การที่แรงงานเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย  ทำให้เขามองเห็นว่าเป็นคนต่างชาติ  มีความคิดที่อาจเป็นอันตรายต่อการปกครอง  ดังนั้นรัฐไทยจึงออกความมั่นคงแห่งชาติมากำหนดนโยบายกำกับดูแล  จึงเข้าควบคุมคนงานแทนที่จะส่งเสริม  ทำให้เป็นแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน  สาเหตุเพราะถูกปกครองระบอบอำนาจนิยมอันยาวนาน  80 ปีที่ผ่านมาไทยก็วนเวียนอยู่กับอำนาจ  เป็นองค์กรระดับสภาแห่งแรก รวบรวมพี่น้องแรงงานหลากหลาย  กลับมาหลังสงครามโลกที่ 2 

ปี พ.ศ. 2490-2501  สมาคมกรรมกรไทย  มีการจัดตั้งพรรคกรรมกร  กลุ่มกรรมกร 16 หน่วย  กรรมกรสามล้อเป็นปรานปัญญาชนเป็นเลขาธิการ หลัง  14 ตุลาคม 16  เกิดศูนย์ประสานงานกรรมกร  กลุ่มสหภาพแรงงาน  เป็นขบวนการทางสังคมก่อเกิด  พลัง 3 ผสาน คืออุดมการณ์ร่วมทางการเมือง

จุดเปลี่ยนผ่านขบวนการแรงงานไทย พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์  การปราบปราม 6 ตุลา 19 การขีดขวางแรงงานให้สู้ในรั้วโรงงาน กลไกไตรภาคี ความพ่ายแพ้ของสังคมนิยม  และชัยชนะของเสรีนิยมใหม่ในระดับสากลแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกของฝ่ายทุน  รสช. และการแยกสลายรัฐวิสาหกิจ-เอกชน วิกฤติต้มยำกุ้ง  2540 ที่ทำให้เกิดการเลิกจ้างปิดโรงงาน  การจ้างงานเปลี่ยนไป

ปัจจุบัน องค์กรแรงงานตามกฎหมายในวันนี้  สมาชิกองค์กรแรงงานประมาณ  3 แสนกว่าคน    ประเทศไทยอยู่ในประเทศกลุ่มที่อ่อนแอทางขบวนการแรงงานเป็นสัญญาณบอกว่าประเทศนี้ขบวนการแรงงานไม่เป็นเอกภาพ สาเหตุที่ขบวนการแรงงานอ่อนแอ  มีสมาชิกน้อย  ผู้นำทำงานทุ่มเทเต็มเวลาน้อย  ทำให้มีความเข้มแข็งน้อย  ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั่วโลก  ประเทศไหนมีสมาชิกคนงานเยอะ  ประเทศนั้นเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย

อนาคต จะปล่อยให้เป็นไปอย่างไร  เราควรกำหนดด้วยตัวเราเอง  เราคืออนาคตของผู้ใช้แรงงาน ดังนั้น  ต้องทำให้ขบวนการแรงงานให้เข้มแข็ง  แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย  นั่งเฉยๆไม่มีทางเข้มแข็งได้  เราจะต้องรวมพลังกันอย่างมากมาย  ปกติดูได้สองทาง  ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการรวมตัวกันได้ เปลี่ยนกรอบความคิดการพัฒนาประเทศที่เสรีนิยม  เพราะการแข่งขันคือการได้เปรียบหรือการกดขี่เยอะ  ผมได้ยินว่าประธานกล่าวว่าอีกและอีก 6 เดือนเราจะวางแผนจัดทำยุทธศาสตร์สู่ทศวรรษใหม่เพื่ออนาคตของขบวนการแรงงานในอนาคต   และวันนี้ตลาดแรงงานยังอ่อนแอ  พี่น้องในภาคต่าง ๆ ที่ยังมีสหภาพแรงงานน้อย  จะมียุทธศาสตร์อย่างไรที่จะเอาเขาเข้ามาร่วม  ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของแรงงานไทย 10 กว่าปีก็ต่อสู้ใน 3 แนวทางนี้  ภารกิจมี  5 ระดับ  ระดับสถานประกอบการ  ระดับพื้นที่  ระดับอุตสาหกรรม  ระดับชาติและระดับสากล                                         

                                                เกศแก้ว   ทะเบียนธง นักสื่อสารแรงงานอ้อมน้อย – อ้อมใหญ่รายงาน