สหภาพแรงงานกลุ่มภาคตะวันออก หอบหลักฐาน ร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังถูกคุกคามหนักจากคนมีสี หวังช่วยปรามลูกน้อง สตช.รับลูกเร่งตรวจสอบ 2 อาทิตย์ได้ความคืบหน้า
วันที่ 25 เมษายน 2557 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ได้นำผู้นำสหภาพแรงงานย่านอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ยื่นหนังสื่อผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว เรื่อง การคุกคามสิทธิของสหภาพแรงงานและบทบาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายสมพร ขวัญเนตร ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก กล่าวว่า สภาพปัญหาความรุนแรงของคนในเครื่องแบบที่มีท่าทีคุกคามผู้ใช้แรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกมีความรุนแรงมากขึ้น มีการตรวจค้นคนงานในโรงงานเรื่องของยาเสพติดรายวัน และได้ถูกนำมาใช้ในการคุกคามสหภาพแรงงาน มีการเข้าไปเชิญหรือคล้ายกับการฉุดกระชากลากออกจากโรงงาน ซึ่งเป็นความรุนแรง มีการบีบให้ลาออกจากงานเพื่อให้พ้นสภาพการเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ในระหว่างการที่มีสหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องทุกปีจะเกิดปัญหาความรุนแรงในหลายรูปแบบความโน้มเอียง และท่าทีของคนในเครื่องแบบ และบางพื้นที่มีการใช้บัตรของความเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาอ้างเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับตัวแทนสหภาพแรงงานในการเจรจามีการนำตำรวจพร้อมอาวุธครบมือมายืนคุมเชิงในห้องระหว่างที่นายจ้างกับลูกจ้างคุยกัน รวมถึงเวลาที่คนงานชุมนุมอยู่มีคนใช้อาวุธปืนยิงใส่แต่โชคดีกระสุนโดยรถไม่มีคนงานได้รับอันตรายแต่เมื่อแจ้งความก็ไม่มีความคืบหน้า ปัญหาภัยคุกคามต่อคนงานในรูปแบบต่างๆทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้นำแรงงานในพื้นที จึงจำเป็นต้องทวงถามถึงบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน หรือว่าทำให้นายทุนอย่างเดียว
นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า เหตุผลที่ขอเข้าพบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้ อันสืบเนื่องมาจากนายจ้างและสถานประกอบการได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และบุคคลที่อ้างอิงว่า มีบทบาทในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่นที่ปรึกษา ครูฝึก เข้ามาในสถานประกอบการและในบริเวณที่คนงานกำลังชุมนุมกันอยู่และแสดงออกด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวในความไม่ปลอดภัยหวั่นถึงความมีภัยอันตรายต่อตนเอง ครอบครัวและเพื่อนสมาชิกสหภาพแรงงาน เป็นเหตุให้คนงาน สหภาพแรงงานมีความเคลือบแคลงต่อบทบาทของตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ คสรท.ซึ่งเป็นองค์กรด้านแรงงานของฝ่ายลูกจ้างมีความกังวลต่อสถานการณ์ดังที่กล่าว
จึงขออนุญาตเพื่อหารือ อธิบายรายละเอียดและหาแนวทางเพื่อคุ้มครองสิทธิของคนงาน สหภาพแรงงาน ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่อุตสาหกรรมภาคตะวันออกได้เกิดข้อพิพาทแรงงาน จากการยื่นข้อเรียกร้องคนงานและสหภาพแรงงาน ต่อนายจ้าง ในสถานประกอบการต่างๆภายใต้กระบวนการของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และสิทธิอันพึงมีพึงได้ในฐานะที่คนงานได้มีส่วนสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจให้แก่นายจ้างและสถานประกอบการและระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่การเจรจาการแบ่งปันสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้อย่างเป็นธรรมกลับได้รับการปฏิเสธจากนายจ้างเจ้าของสถานประกอบการจึงทำให้เกิดข้อพิพาทแรงงานอย่างที่กล่าวมา
พล.ต.ท.หม่อมหลวงพันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นตัวแทนมารับหนังสือ และพร้อมรับเรื่องโดยกล่าวว่าจะมีการดำเนินตรวจสอบกรณีการร้องเรียนในประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายใน 2 อาทิตย์ แล้วจึงจะแจ้งความคืบหน้ากลับมายังผู้ที่ได้รับความเสียหาย
“ด้วยผู้ใต้บังคับบัญชามีราว 2 แสนกว่าคน ทำให้มีการดูแลอาจไม่ทั่วถึง และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นก็รับว่าจะเข้าไปตรวจสอบดูแล ด้วยนโยบายตำรวจคือต้องดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง หรือลูกจ้าง” พ.ต.ท.หม่อมหลวงพันธ์ศักดิ์ กล่าว
นายสมหมาย ประไว เลขาธิการสหภาพแรงงานมิชลินประเทศไทย กล่าวถึงสภาพปัญหาการเข้าร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีคืนวันที่ 15 มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 23.00 น.เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงปืนใส่พื้นที่ชุมนุมกระสุนถูกรถยนต์ของสมาชิกสหภาพแรงงาน 2 คัน หลังจากนั้นถัดมาวันที่ 21มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 01.00น.มีคนร้ายตามไปยิงปืนใส่บ้านกรรมการสหภาพแรงงานอีกจำนวน 8 นัด เหตุการณ์ทั้ง 2 กรณีผู้ได้รับความเสียหายแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีราชาเพื่อติดตามดำเนินคดีกับคนร้าย แต่จนถึงปัจจุบันคดียังไม่มีความคืบหน้า ต่อมาเวลา 13.00 น. ได้รับการประสานงานจากร้อยตำรวจเอกชำนาญ ก่อเกิด พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบังว่า ได้ตรวจสำนวนที่บันทึกปากคำผู้เสียหายแล้ว ขอทราบเรื่องพยานในพื้นที่เกิดเหตุ และขอเพิ่มสอบพยานเพิ่มเติมอีก 2 คน
นักสื่อสารแรงงาน รายงาน
