คสรท.ถกด่วน!โต้กระแสต้านค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

 

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2554  ที่ห้องประชุมศุภชัยศรีสติ  มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ถนนมักกะสัน กรุงเทพฯ  คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) ได้เชิญคณะทำงานปฏิรูปค่าจ้างซึ่งประกอบด้วยผู้นำแรงงานและนักวิชาการด้านแรงงาน  มาร่วมประชุมเพื่อหารือและกำหนดท่าทีต่อกระแสต่อต้านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของบรรดานักธุรกิจอุตสาหกรรม  โดยนายชาลี ลอยสูง  ประธาน คสรท.กล่าวว่า  ภายหลังพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งจนสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้นั้น   นโยบายหาเสียงในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศที่ได้คะแนนเสียงอย่างเป็นกอบเป็นกำจากผู้ใช้แรงงานกำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายนายจ้างและสภาอุตสาหกรรมรวมทั้งนักวิชาการบางส่วน  จนทำให้ขณะนี้เสียงจากแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเริ่มโอนอ่อนไปตามกระแสกดดัน  ซึ่งที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นคัดค้านการปรับขึ้นค่าจ้างมาพิจารณาร่วมกันอย่างละเอียดแล้วเห็นว่า  การคัดค้านตั้งอยู่บนพื้นฐานการกลัวเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มมากกว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่และประเทศชาติโดยรวม 
อ้างเกิดผลกระทบต่อธุรกิจ เอส เอ็ม อี (SME)
เป็นเรื่องเหมารวมเอาเองว่าจะได้รับผลกระทบทั้งหมดจนล้มละลาย ทั้งที่ความจริงลูกจ้างในกลุ่ม SME ส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำกับกลุ่มนี้   ตัวเลขผลประกอบการก็ไม่ได้ถูกหยิบยกมาอ้างอิงอย่างชัดเจนในการคัดค้าน  และกลับมีหลายฝ่ายที่เห็นว่าการเพิ่มค่าจ้างจะเป็นผลดีให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อปรับตัวไปสู่แนวอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ทำให้ขายสินค้าหรือบริการได้ราคาสูงขึ้นโดยไม่ต้องแข่งกันเรื่องค่าจ้างต่ำอีกต่อไป
ปรับค่าจ้างเป็น 300 บาทมากเกินไปหรือไม่
ข้อเท็จจริงคือในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อมาก ส่งผลให้ผู้ใช้แรงงานที่แม้จะทำงานมานาน 10 – 20 ปี มีทั้งฝีมือและประสบการณ์ที่สร้างผลผลิตได้มากกว่า ก็ยังได้รับค่าจ่างเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำหรือสูงกว่าเพียงเล็กน้อย ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอและดำรงชีพอย่างยากลำบากมีหนี้สินรุงรัง  ขณะที่ผู้ประกอบการขยายโรงงานเร่งเพิ่มผลผลิตจนแรงงานต้องทำงานล่วงเวลา (OT) หามรุ่งหามค่ำ  แต่ไม่เคยแสดงผลประกอบการว่ากำไรหรือขาดทุนอย่างไรให้ชัดเจน  ช่องว่างทางรายได้และทรัยพ์สินที่ห่างกันมากในสังคมไทยก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำจนนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงทางสังคม  การปรับเพิ่มค่าจ้างเป็น 300 บาทต่อวันจึงเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้บ้าง  แต่กลไกไตรภาคีที่มักถูกครอบงำโดยฝ่ายรัฐและนายทุนคงไม่อาจตอบโจทย์นี้ได้  จึงเป็นความชอบธรรมของรัฐบาลที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้นที่จะดำเนินการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศตามที่หาเสียงไว้
จะเกิดการว่างงาน  การย้ายฐานการผลิต  และการทะลักของแรงงานข้ามชาติ
เป็นเรื่องที่ฝ่ายนายจ้างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมใช้โหมประโคมมาตลอดเวลาที่มีการเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างและสวัสดิการจากผู้ใช้แรงงาน  ทั้งที่ความจริงในปัจจุบัน สังคมไทยกำลังพูดกันถึงการยกระดับไปสู่ประเทศที่ผลิตสินค้าราคาสูง  ส่วนอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าราคาถูกใช้แรงงานราคาถูกนั้นชัดเจนว่าแข่งกับอีกหลายประเทศที่ค่าจ้างแรงงานถูกกว่าไม่ได้แล้ว  ถึงแม้จะไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างก็เตรียมหาลู่ทางย้ายฐานการผลิตกันอยู่แล้ว   ส่วนถ้าจะใช้แรงงานข้ามชาติ  นายจ้างที่ประกอบการอย่างถูกกฎหมายก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้อย่างเท่าเทียมกับแรงงานไทย  แต่หากจะใช้แรงงานข้ามชาติอย่างผิดกฎหมายก็อาจเกิดผลกระทบทางด้านสังคมตามมามากมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ตกเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ต้องไปดูแลแก้ปัญหา โดยที่นักธุรกิจผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้แรงงานข้ามชาติไม่เคยแสดงท่าทีว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
ค่าแรงขั้นต่ำ มิติทางสังคม
คสรท.พิจารณาแล้วเห็นว่า  เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำไม่ใช่เรื่องของการเมืองหรือเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ควรพูดถึงในมิติทางสังคมด้วย  จึงเห็นว่าจะต้องมีการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมด้วยเหตุด้วยผลบนหลักวิชาการอย่างแท้จริง  เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนจากการรับข้อมูลจากฝ่ายคัดค้านการปรับขึ้นค่าจ้างฝ่ายเดียว  ดังนั้นจึงกำหนดจัดเวทีสัมมนาวิชาการหัวข้อ “300 บาท ชะตากรรมใคร? รัฐบาล นายจ้าง หรือลูกจ้าง”  ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2554  ที่ห้องประชุมคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  
ทั้งนี้ คสรท.ได้มีการประสานพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไว้แล้วเพื่อจะไปยื่นข้อเสนอ 9 ข้อของ คสรท.ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2554 เวลา 09.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อให้มีการพิจารณาบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลใหม่ตามที่ตัวแทนของพรรคเพื่อไทยได้มารับปากและลงนามให้สัตยาบันไว้กับผู้ใช้แรงงานในงานเวทีสมัชชาแรงงานเรื่อง “จุดยืนและข้อเสนอต่อนโยบายด้านแรงงานของพรรคการเมือง” ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ กทม.เมื่อวันที่ 21มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา
 
นักสื่อสารแรงงาน รายงาน