หลังจากถูกเลิกจ้างไปเมื่อช่วงต้นปี 2555 ชีวิตที่เคยคิดว่าแน่นอนกลับไม่แน่นอนอย่างที่คิด แต่ถึงจะมืดแปดด้านอย่างไรชีวิตก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กันต่อไป
วันนี้ชีวิตของนางมาลัย หมีเงิน อดีตลูกจ้างของสถานประกอบกิจการแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากเธอถูกเลิกจ้างเธอเล่าว่า “ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะถูกเลิกจ้าง เพราะทำงานมากว่าสิบปี วันแรกเมื่อรู้ว่าถูกเลิกจ้างรู้สึกว่าเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดไปต่างๆ นานา อีกทั้งลูกก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยกังวลว่าจะไม่สามารถส่งลูกเรียนจนจบการศึกษาที่สูงๆ แม้ว่าตนเองจะไม่มีหนี้สินอะไรแต่การที่ไม่มีรายได้เข้ามามันทำให้รู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก ” เธอยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า “ ช่วงแรกๆหลังจากถูกเลิกจ้างได้แต่นั่งเสียใจและร้องไห้ ในขณะที่หัวก็คิดจะหารายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวเพราะได้แยกทางกับสามีมานานแล้วและต้องเลี้ยงดูลูกอีก 2 คนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนด้วยกันทั้งคู่ ”
ปัจจุบันนางมาลัย หมีเงิน ได้ผันตัวเองจากแรงงานในระบบ มาเป็นแรงงานนอกระบบ โดยได้มาทำอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดต่างๆ เช่นเดียวกับวันนี้ที่เธอได้มาขายเสื้อผ้าที่ตลาดน้ำต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ตลอดทั้งวันมีลูกค้าเข้ามาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของเธออย่างไม่ขาดสาย รอยยิ้มและการพูดจาแบบเป็นกันเองทำให้มีลูกค้าขาประจำกลับมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลูกค้าออกจากร้านไปเราจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเธออีกครั้ง โดยให้มองการทำงานของแรงงานในระบบและนอกระบบมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องอะไร
นางมาลัย หมีเงินกล่าวว่า “ ข้อดีของการเป็นลูกจ้างประจำคือมีรายได้ที่แน่นอน มีสวัสดิการที่ดี ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไม่ว่าเรื่องของประกันสังคม กองทุนเงินทดแทนเป็นต้น แต่ในขณะที่แรงงานนอกระบบกลับมีข้อแตกต่างที่ชัดเจน เช่นรายได้ที่ไม่แน่นอน ไม่ได้รับสิทธิและผลประโยชน์ในเรื่องประกันสังคม ทั้ง7 กรณี โดยเฉพาะกรณีการว่างงาน ลูกจ้างนอกระบบก็จะไม่ได้รับ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว แม้ว่าตอนนี้ประกันสังคมจะขยายสิทธิให้ผู้ประกันตนในมาตรา 39 และ มาตรา 40 แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมและไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้ใช้แรงงานเหมือนกัน ”
นักสื่อสารแรงงานศูนย์พื้นที่สระบุรี รายงาน