คร.8 ให้ลูกจ้างไดนามิคชนะได้ค่าจ้างค่าชดเชยจากเหตุน้ำท่วม

จากกรณีร้องเรียนของลูกจ้างบริษัท ไดนามิคโปรโมชั่น จำกัด จำนวน 27 คน จากทั้งหมดประมาณ 500 คน ว่านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้ในระหว่างที่สั่งหยุดงานในช่วงน้ำท่วม เมื่อเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยสั่งหยุดมาแล้ว 3 ช่วง ช่วงละ 1 เดือน และตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ได้ประกาศหยุดกิจการชั่วคราวและกำหนดเปิดดำเนินการจำนวน 3 ฉบับ โดยไม่มีความชัดเจนในกำหนดวันเวลาเปิดดำเนินกิจการที่แน่นอน เนื่องจากลูกจ้างส่วนใหญ่อายุมาก มีอายุการทำงานหลายสิบปี เมื่อไม่ได้รับความชัดเจนในการเปิดดำเนินกิจการส่งผลให้ลูกจ้างที่มีอายุมากไม่สามารถไปสมัครงานที่อื่นได้ กลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ นำโดยคุณวิไลวรรณ แซ่เตีย ได้พาตัวแทนลูกจ้างจากบริษัท ไดนามิคโปรโมชั่น จำกัด ไปยื่นหนังสือร้องเรียนการไม่จ่ายค่าจ้างในช่วงที่นายจ้างสั่งหยุด และให้บริษัท ออกหนังสือกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนแจ้งให้ลูกจ้างทราบว่าจะเปิดดำเนินกระบวนการผลิตตามปกติเมื่อใด โดยอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้รับหนังสือและแจ้งจะกำกับดูแลให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาครรีบดำเนินการออกคำสั่งเรียกนายจ้างมาสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว โดยให้ลูกจ้างดังกล่าวนี้ไปยื่นแบบ คร. 7 ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร
ในวันที่ 11 มกราคม 2555 ทางกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ นำโดยนางสาวคุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์และนางสาวชนญาดา จันทร์แก้ว ได้พาลูกจ้างบริษัทไดนามิคโปรโมชั่น จำกัด จำนวน 27 คนไปยื่นแบบคร. 7 ต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้เจ้าพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในช่วงที่สั่งหยุดตอนน้ำท่วม และอีกกลุ่มหนึ่งได้ยื่นให้เจ้าพนักงานตรวจแรงงานวินิจฉัยให้นายจ้างเลิกจ้างเนื่องจากโดยพฤติการณ์ดังกล่าว นายจ้างไม่มอบหมายงานให้ทำ และไม่จ่ายค่าจ้าง โดยลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดใดๆ จึงขอให้นายจ้างจ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างและเงินชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างค้างจ่ายกรณีลูกจ้างไม่ได้ใช้สิทธิในวันหยุดพักผ่อนประจำปี
ต่อมา สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาครได้มีคำสั่ง แบบคร. 8 ที่ 10/2555 ฉบับลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 จำนวน 11 แผ่น โดยคำสั่งมีว่า ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ถึง 28 ธันวาคม 2554 อยู่ในภาวะน้ำท่วมจึงเป็นเหตุสุดวิสัยนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งวันที่ 29 ธันวาคม 2554 น้ำได้ลดลงเป็นปกติและแห้งแล้วนายจ้างจึงต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามจำนวนที่ขอไปในแบบคร. 7 จำนวน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 29-31 ธันวาคม 2554 จำนวน 22 คน เป็นเงิน 14,340 บาท สำหรับลูกจ้างซึ่งประสงค์ที่จะทำงานต่อไปกับนายจ้าง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในระหว่างผิดนัดจ่ายค่าจ้าง และเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของเงินค่าจ้างที่ค้างจ่ายนับแต่วันที่ 5 มกราคม 2555 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
และสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างของวันที่ 29 ธันวาคม 2554 ถึง 5 มกราคม 2555 จำนวน 7,529 บาท จำนวน 5 คน ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าของวันที่ 5-20 มกราคม 2555 จำนวน14,105 บาท  และค่าชดเชยจำนวน 219,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดจ่ายค่าจ้างและค่าชดเชยร้อยละ 15 ต่อปี และเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของเงินค่าจ้างและค่าชดเชยที่ค้างจ่าย นับแต่วันที่ 5 มกราคม 2555 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ ถ้านายจ้างหรือลูกจ้างไม่พอใจในคำสั่ง สามารถฟ้องเพิกถอนคำสั่งได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าได้ทราบคำสั่ง
หมายเหตุ มาตรา 125 หากนายจ้างหรือลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรม ไม่พอใจในคำวินิจฉัยตามคำสั่งนี้ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวัน นับแต่วันทราบคำสั่ง หากไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนด ให้คำสั่งนี้เป็นที่สุด
ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งนี้ จึงจะฟ้องคดีได้

ชนญาดา จันทร์แก้ว ทนายความอาสาสมัคร ศูนย์อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ รายงาน