เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) นำโดย นายชาลี ลอยสูง ประธาน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธาน นายยงยุทธ เม่นตะเภา กรรมการ รวมทั้งนางสุนี ไชยรส กรรมการปฏิรูปกฎหมาย เจ้าหน้าที่แผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สสส. และคณะสื่อสารแรงงาน ลงพื้นที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่แยกบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์และหารือถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมต่างๆในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป
นายชาลี กล่าวในการประชุมหารือว่า คสรท. ได้รับการสนับสนุนจากแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สสส.เพื่อทำโครงการฯสนับสนุนการทำงานของศูนย์พื้นที่ในการช่วยเหลือแรงงานผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งปัญหาคงยังไม่จบง่ายๆ นอกจากช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการกินอยู่แล้ว หลังน้ำลดคงเป็นเรื่องเดือดร้อนอื่นเช่น เรื่องการงาน รายได้ สิทธิต่างๆ ซึ่งจะต้องรวบรวมปัญหาผลักดันต่อกับรัฐบาลไป
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวว่า ส่วนกลางจะมีคนลงพื้นที่ประจำ คือ นายชาลี และนายยงยุทธ คนอื่นจะช่วยจัดการงานด้านอื่นๆ ต่อไปจะจัดงบประมาณมาสนับสนุนการทำงานของพื้นที่ ซึ่งต้องช่วยกันหาคนมาช่วยกันทำงานช่วยเหลือพี่น้องแรงงานผู้ประสบภัย
ด้าน น.ส.พีรกานต์ มณีศรี ผู้ประสานงานหลักของศูนย์ช่วยเหลือบางปะอินฯกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้นำสหภาพแรงงานในกลุ่มอยุธยามาช่วยกันทำงานประจำอยู่ที่ศูนย์ 17 คน สถานการณ์ที่ศูนย์ฯ แรกๆจะมีของแจกอย่างเพียงพอเพราะมีการบริจาคเข้ามามาก โดยเฉพาะในวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาซึ่งมีคาราวานแรงงานขนสิ่งของมาบริจาคพันกว่าชุด ตอนนี้บางวันไม่มีของแจกเพราะของหมดเนื่องจากมีการบริจาคเข้ามาน้อยลง ส่วนวิธีการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่เต็นท์ จะใช้วิธีให้คนที่มารับของบริจาคลงทะเบียนซึ่งมีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 1,300 คน มีทั้งคนงานไทยและแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งชาวบ้านที่แวะเวียนมาขอรับ ทุกๆ 3 วันแจกไปประมาณ 1,200 ชุด ส่วนการออกไปตระเวณแจกสิ่งของตามจุดต่างๆที่มีแรงงานติดค้างอยู่ตามห้องพักและที่ต่างๆ จะใช้เรือขนของสลับออกไปตามจุดต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนรวมกันประมาณ 3,000 คน โดยเมื่อวันก่อนก็มีคนงานทางนวนคร จ.ปทุมธานี ติดต่อมาให้ไปช่วยเหลือซึ่งก็ได้ช่วยเหลือถุงยังชีพไปราว 200 ชุด
นางสุนีกล่าวว่า การหาข้อมูลตัวเลขผู้เดือดร้อนทั้งหมดอย่างชัดเจนจะช่วยเรื่องการจัดหาอาหารการกินเฉพาะหน้า และต่อไปก็จะหาทางช่วยแก้ปัญหาของแรงงานภายหลังน้ำลดแล้ว
ที่ประชุมกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันที่พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยในวันอังคารที่ 2 พ.ย.2554 เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดประเด็นสำหรับการแถลงข่าวในวันพุธที่ 3 พ.ย.2554 รวมทั้งหารือการทำงานร่วมและการวางระบบบริหารจัดการในพื้นที่ทั้งเรื่องการช่วยเหลือเฉพาะหน้า และการจัดเก็บข้อมูลของคนงานเพื่อการวางแผนแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
ทางด้านผู้ประสบภัยที่แวะเวียนมารับสิ่งของบริจาคนั้น นางศันสนี เพ็ชรมณี แรงงานหญิงชาวลาวโรงงานเสาเข็ม อายุ 19 ปี ชาวเวียงจันทร์ เล่าว่า เดินทางมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาว มาทำงานที่พระนครศรีอยุธยากับญาติพี่น้องกว่า 10 คน ได้เงินเดือน 5,500 บาท ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ หลังจากน้ำท่วมโรงงานเมื่อประมาณกลางเดือนนายจ้างได้ประกาศปิดโรงงาน เดิมมีคนงานประมาณ 300 คน ตอนนี้ที่ยังอยู่ร่วมกันประมาณ 50 คน มีทั้งคนงานไทย และลาวเป็นผู้หญิง 20 กว่าคน และมีเด็กๆอยู่ด้วยหลายคน
นางศันสนี เล่าอีกว่า ทุกวันนี้ต้องอยู่ช่วยกันเฝ้าดูแลรักษาโรงงาน นายจ้างบอกว่าจะให้ค่าจ้างหลังน้ำลด แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครได้ค่าจ้าง แต่ก็เข้ามาดูแลคนงานอย่างดี เอาอาหารมาส่งให้ทุกวันเป็นอาหารตามสั่ง ขณะนี้รู้สึกอยากกินส้มตำมาก รู้ว่าที่ศูนย์มีคนบริจาคพวกผักผลไม้สวน จึงเดินมาขอมะละกอและเครื่องปรุงกลับไปทำกินร่วมกัน
หนึ่งในคนงานลาวที่มีลูกอ่อนอายุ 1 ปี 8 เดือนเล่าว่า ขณะนั้ที่ห่วงคือลูกไม่มีนมกิน ต้องกินไวตามิลค์แทน ตอนนี้ลูกไม่สบายมีไข้ ไอ และน้ำกัดเท้าน่าสงสารลูกมาก
ส่วนคนงานไทยรายหนึ่งที่ทำงานทีเดียวกันเล่าต่อว่า วันนี้เราอยู่ร่วมกันทำอาหารกินด้วยกัน นายจ้างได้ขอร้องว่าไม่ให้ทิ้งโรงงาน ให้ช่วยดูแลไว้ก่อน โดยบอกว่าน้ำยุบจะให้ค่าจ้าง และพร้อมเปิดงานทันที แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเปิดได้เร็วหรือไม่เพราะขณะนี้น้ำท่วมภายในโรงงานทั้งหมด
ทั้งนี้ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานบางปะอินแห่งนี้มีความต้องการนม
นักสื่อสารแรงงาน รายงาน