คนงานมิชลินฯหยุดงานสู้เข้าสู่วันที่ 16 ฝ่ายบริหารรุกหนักงัดทุกกลยุทธ์ งัดเงื่อนไขเข้ารับโบนัส กดดันบุพการี ผู้มีพระคุณ ส่งข้อความตามกลับเข้าทำงาน หวังเพิ่มกำลังการผลิตกดดันให้ลูกจ้างรับเงื่อนไขบริษัท ด้านแกนนำรุดยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ
วันที่ 27 มีนาคม เข้าสู่วันที่16 ที่คนงานมิชลินฯกว่า 800 คน ในนิคมอุตสากรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังคงหยุดงานและปักหลักชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้นายจ้างปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ดีขึ้น หลังการเจรจาหลายครั้งไม่คืบหน้า
นาย ธนกร สมสิน ประธานสหภาพ กล่าวว่า ที่ต้องตัดสินใจเปิดประชุมขอมตินัดหยุดงานก็เพราะว่าช่วงยื่นข้อเรียกร้องบริษัทกดดันพนักงานอย่างหนัก เรียกคุยเป็นรายตัว ทำให้ต้องตัดสินใจนัดหยุดงาน ส่วนการเจรจาก็ไม่คืบหน้า บริษัทยืนกระต่ายขาเดียวที่จะเอาสภาพการจ้าง 3 ปี โดยมีค่าเช่าบ้าน และเบี้ยขยันเพิ่มมาให้ปีแรก 500 บาท ปีที่สอง 600 บาท ปีที่สาม 700 บาทเบี้ยขยันปีแรก 300 บาท ปีที่สอง 400 บาท ปีที่สาม 600 บาทแต่อย่างอื่นไม่มีการการันตีเป็นขั้นบันไดให้กับคนงานเลย ซึ่งเมื่อวาน(27 มีนาคม)ได้เดินทางยื่นหนังสือต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงาน ต่อจากนี้ก็จะเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสังคมเพื่อกดดันให้นายจ้างตัวจริงได้ออกมาเจรจาและหาทางยุติให้ได้ โดยวันที่ 31 มีนาคมนี้เราทั้งหมดจะเดินทางเข้ากระทรวงแรงงานเพื่อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือเพื่อเจรจาหาข้อยุติต่อไป
นาย สมหมาย ประไว เลขาธิการสหภาพแรงงานมิชลินประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่สหภาพยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอให้บริษัทปรับปรุงสวัสดิการ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 16 แล้วพี่น้องยังคงเหนียวแน่นเกาะกลุ่มกัน ถึงแม้บริษัทจะใช้วิธีกดดันอย่างไรแต่พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อให้บริษัทปรับปรุงสวัสดิการ แต่ก็มีบ้างคนที่ทนความกดดันไม่ไหวเช่น “บริษัทใช้วิธีให้คนโทรหาพ่อแม่เพื่อให้กดดันลูกเข้าทำงาน” ซึ่งเมื่อเช้ามีพนักงานมาเล่าให้ฟังว่า พ่อเขาไม่สบายเป็นอัมพฤตอัมพาตอยู่ต่างจังหวัด พอทราบเรื่องก็กดดันลูก ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำ เพื่อให้ลูกกลับเข้าทำงาน อีกคนมีภรรยาที่ทำงานอยู่ข้างในบริษัท แต่ยังไม่บรรจุหัวหน้างานก็กดดันภรรยาว่า “ถ้าสามีเธอไม่เข้ามาทำงานจะไม่บรรจุงานให้” อีกทั้งยังมีพนักงานที่ร่วมนัดหยุดงานที่มีแผนจะบวชหัวหน้าไม่เซนต์อนุมัติการลาแม้กำหนดการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าปีนี้พี่น้องพนักงานเขาออกมาร่วมนัดหยุดงานมากเป็นประวัติการสาเหตุมาจากการถูกกดขี่ ทั้งเรื่องระเบียบวินัยข้อบังคับของบริษัท รวมทั้งเรื่องการตอบแทนที่เขามองว่าไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโบนัสสวัสดิการต่างๆ ที่ผ่านมานั้นบริษัทมีภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอดในแวดวงสายตาของประชาชนทั่วไป แต่คนทำงานจริงๆเขารู้ว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น เรื่องของเงินเดือนที่บริษัทยกมาเป็นจุดเด่นตลอดว่าสูงกว่าที่อื่น ที่นี่แรกเข้าที่10,000 บาท แต่สวัสดิการที่มาหนุนมีแค่ค่ารถ กับค่ากะ เฉลี่ยเดือนละ 1,000 บาท ที่เหลือก็เป็นโอทีซึ่งก็กำหนดไม่ได้ ส่วนสวัสดิการอื่นๆมีแต่สวัสดิการของอนาคต เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สวัสดิการที่ดีมากตอนเสียชีวิต กองทุนกู้ยืมเป็นต้น แต่ค่าใช้จ่ายที่ช่วยเหลือในชีวิตประจำวันนั้นมีแค่น้อยนิด ทำให้แต่ละเดือนพนักงานจะติดลบในเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนบริษัทอื่นๆส่วนใหญ่เงินเดือนแรกเข้า 9,500 บาท แต่มีสวัสดิการอื่นเช่น มีรถรับส่ง มีค่าเช่าบ้าน มีเบี้ยขยัน มีค่ากะ มีข้าวฟรี และค่าตอบแทนโบนัสที่สูงกว่ามิชลินมาก หากเทียบถึงผลกำไร ปีที่แล้วบริษัทได้กำไร 4,400 กว่าล้าน จ่ายโบนัสแค่ 3.2 เดือน ส่วนปีนี้(กำไรจากปี2556) คาดการว่าน่าจะอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท แต่บริษัทประกาศจ่ายโบนัส 3.3 เดือน
อีกทั้งเงื่อนไขการจ่ายโบนัส ตาม KPI มีอยู่แค่ 4 ข้อ คือ เรื่องอุบัติเหตุ เรื่องต้นทุนการผลิตอเรื่องยอดขายสินค้าภายในประเทศ และผลกำไรสุทธิ หากพนักงานทำได้เป้าจะได้โบนัส 1 เดือน แต่ปีนี้เรื่องของอุบัติเหตุและเรื่องของต้นทุนการผลิตพนักงานสามารถทำได้เป้าแต่บริษัทกลับจ่ายโบนัสที่ 0.6 เดือนและ 0.8 เดือน แทนที่จะได้ 1 เดือนตามที่พนักงานคาดหวังเรื่องของการจ่ายโบนัสที่มี KPI เป็นตัวกำหนดนั้น ยังมีเงื่อนไขของการตัดโบนัสอีกต่างหากเช่น หากพนักงานถูกใบเตือนหรือพักงาน หรือ E เกรด ก็จะถูกตัดโบนัสอีก ทำให้บางคนไม่ได้รับโบนัสเลยเท่านั้นยังไม่พอการทำงานแต่ละวันของคนงานนั้นถูกกดดันอย่างหนักจากหัวหน้างานด้วยเป้าหมายการผลิตที่สูงขึ้นต่อคน หากใครทำไม่ได้เป้าก็ต้องเขียนใบรายงาน มีกล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัวส่องไปยังจุดทำงาน มาสายหนึ่งนาทีก็ต้องเขียนใบรายงานมาสายบ่อยๆถูกใบเตือนมีผลกับการปรับเงินขึ้นประจำปี ซ้ำยังถูกตัดโบนัสอีกต่างหาก การขึ้นเงินก็ไม่มีมาตรฐานอยู่แล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ บริษัทหวังแต่จะทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน อ้างเพื่อความมั่นคงของบริษัทแต่พนักงานเหล่านี้ละ พนักงานเก็บกดมากจนเป็นเหตุแห่งการลุกขึ้นมาเรียกร้องการปรับปรุงสวัสดิการในครั้งนี้
ที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างดีมาตลอดในสายตาของลูกค้าและประชาชนทั่วไปแต่สิ่งที่ผมได้สะท้อนมาก่อนหน้านี้ในภาคของสังคมและประชาชนไม่เคยได้รับรู้ความจริงว่าชีวิตพนักงานที่สร้างยางที่มีคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้านั้น พวกเขาถูกกระทำ ถูกขูดรีดและถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างหนักจากนโยบายของบริษัท จึงขอเรียกร้อง ขอความเห็นใจมายังพี่น้องประชาชนทั่วไป อย่ามองเพียงแต่ว่าเอะอะก็ประท้วง เอะอะก็เรียกร้องจะเอาแต่อย่างเดียว ขอให้ได้รับรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนงานบ้างอย่าซ้ำเติมคนงานอย่างเราๆเลย ที่ผ่านมาเรียกร้องก็ไม่เคยได้อะไร พนักงานมีแต่ความเจ็บปวด แต่จะให้บริษัทขูดรีดเอารัดเอาเปรียบอย่างเดียวก็คงไม่ไหว เรามีองค์กรเราก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความกินดีอยู่ดีให้สมกับบริษัทที่ร่ำรวย มีชื่อเสียง และมีความมั่นคง พนักงานก็ต้องการกินดีอยู่ดีและมีความมั่นคงเช่นกัน
นักสื่อสารแรงงานภาคตะวันออก รายงาน