หลังจากที่ทราบผลการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 3 กรกฎาคม 2554ไปแล้วนั้น ได้เห็นโฉมหน้าของผู้นำประเทศไทย คนต่อไป ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศไทย ชื่อ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูง เห็นได้จากจำนวนผู้ที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ของแต่ละพื้นที่ที่สูงถึง 70-80% และในส่วนของคนงานนั้นมีความตื่นตัวในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเช่นกัน มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการเมืองในกลุ่มเพื่อนๆโดยเฉพาะเรื่องนโยบายด้านแรงงานของพรรคการเมืองที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ใช้หาเสียงก่อนการเลือกตั้งว่าจะทำได้จริงหรือไม่
นาย ธงชัย พรมสารี คนงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ได้แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายด้านแรงงานของรัฐบาลใหม่ว่า “ นโยบายที่นำเสนอในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งนั้น เป็นไปได้ยาก ทั้งเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และค่าแรงปริญญาตรี 15,000 ต่อเดือน ในทันทีที่ชนะการเลือกตั้ง เพราะอย่าลืมว่า เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงนั้น ต้องมาจากความสามารถของผู้ประกอบการด้วย และสิ่งที่เขาต้องการให้รัฐบาลนี้เร่งแก้ไขมากที่สุด 2 อันดับแรก คือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หากทำจริงอยากให้เท่ากันทั่วประเทศ และอยากให้คนงานสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)ในเขตพื้นที่สถานประกอบการที่ทำงานอยู่ ”
ในอีกมุมหนึ่งของความคิดเห็น จากคนงานหญิง ที่ทำงานในบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งในระยอง ที่มีความเห็นต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่า “หนูทำงานที่นี่ มากว่า 4 ปี มีค่าแรงต่อวันมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หนูรู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่ทำงานมานาน มีทักษะเหมือนหนู หรือเพื่อนๆ อีกรายคนรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก ค่าแรงควรมีการปรับขึ้นอัตโนมัติทุกคนตามที่รัฐประกาศปรับ ไม่ใช่ใครมีค่าแรงเกินค่าแรงขั้นต่ำก็ไม่ปรับ ทั้งที่มีค่าแรงมากกว่าไม่กี่บาท” และสิ่งที่เธออยากเห็นรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาของเธอมากที่สุด คือ การเร่งทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้และต้องมีการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ที่มีของคนงานด้วย
จากเสียงสะท้อนต่อนโยบายแรงงานของรัฐบาลใหม่ภายใต้พรรคเพื่อไทย ที่พวกเขาได้แสดงความคิดเห็นออกมานั้น รัฐบาลใหม่จะสามารถนำไปสู่ความเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ขบวนการแรงงานต้องคอยติดตาม และทวงถามนโยบายที่รัฐบาลใหม่เคยให้สัญญาไว้อย่างเข้มข้น และคงต้องสร้างความเข็มแข็งให้กับขบวนการแรงงาน ในการที่จะส่งเสียงบอกความต้องการที่แท้จริงด้านการปรับค่าจ้างที่เป็นธรรมให้คนงานอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งมากกว่าที่พรรคการเมืองที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศกำหนดจะปรับให้อย่างแน่นอน นี่คือบทเลยต้นของความท้าทายการทำงานของรัฐบาลใหม่ “ปู 1” ที่ต้องปรับค่าจ้าง 300 บาททันที่เท่ากันทั่วประเทศ
นาย สราวุธ ขันอาสา นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวแรงงานระยอง-ชลบุรี