ข่าวดี มติครม.เปิดให้การรถไฟเพิ่มอัตรากำลังคนเพิ่ม

คนรถไฟเฮ มติคณะรัฐมนตรีเปิดให้การรถไฟสามารถรับพนักงานเพิ่ม หลังสหภาพแรงงานเรียกร้องมานาน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเรื่อง ขอยกเว้นมาตรการด้านบุคลากรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 เพื่อขอให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถรับพนักงานได้ในกรอบอัตรากำลัง 19,241 อัตรา (พนักงาน 16,660 อัตรา และลูกจ้าง 2,581 อัตรา) โดย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบดังนี้
เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี  (28 กรกฎาคม 2541) เฉพาะในส่วนการรับพนักงานในปีแรก ภายในกรอบไม่เกิน 1,904 อัตรา โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับไปปรับกรอบอัตรากำลังและแผนการสรรหาในระยะ 10 ปี ให้เริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและนำกรอบอัตรากำลังฯ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพร้อมกับแผนฟื้นฟูกิจการการรถไฟแห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2561 – 2570) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของอัตรากำลังในภาพรวมให้สอดคล้องกับภารกิจตามแผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2561 – 2570) ก่อนดำเนินการสรรหาพนักงานในปีแรก ทั้งนี้ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการด้วย

สำหรับอัตรากำลังในปีต่อ ๆ ไป หากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาแล้วเห็นว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยยังมีความจำเป็นต้องเพิ่มอัตรากำลังเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามมติคณะรัฐมนตรี (28 กรกฎาคม 2541) ก็ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ดำเนินการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ลำดับเหตุการณ์ การเคลื่อนไหว ผลักดัน ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของการรถไฟแห่งประเทศไทย อันเนื่องมาจาก มติ ครม.เมื่อ 28 กรกฎาคม 2541 โดยคณะกรรมการบริหาร สร.รฟท. ทั้งส่วนกลางและสาขาภูมิภาค นำโดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน สร.รฟท. ได้ถือเอาเรื่องนี้เป็นความสำคัญขั้นสูงสุด เพื่อให้รัฐบาล (ครม.) ยกเลิก มติครม.เมื่อ28 กรกฎาคม 2541 ให้รฟท.เปิดรับพนักงานใหม่ทดแทนพนักงานที่ขาดแคลนและเพื่อรองรับแผนการพัฒนาการขนส่งทางรางตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย การดำเนินการของ สร.รฟท. เริ่มตั้งแต่การเข้ารับหน้าที่ มีดังนี้

  1. เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 ได้เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งรัฐมนตรีก็ได้รับทราบปัญหาและอุปสรรคที่ สร.รฟท.เสนอ และยังพบว่า อัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติครั้งก่อน เมื่อ ธันวาคม 2553 ยังคงเหลืออีก 109 อัตรา จนเป็นที่มาของการนำเอาอัตราดังกล่าวไปบรรจุให้กับนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ (วรฟ.)รุ่น 59
  2. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 ในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ สร.รฟท.ได้เสนอเรื่องพิจารณา ขอให้การรถไฟเร่งดำเนินการจัดหาอัตรากำลังพนักงานโดยเร่งด่วน และวางแผนการบริหารเรื่องอัตรากำลังพนักงานให้สอดคล้องกับปริมาณงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ฝ่ายทรัพยากรบุคคลรายงานว่ากำลังเร่งรัดดำเนินการ
  3. เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 สร.รฟท.ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้การรถไฟและรัฐบาลเร่งมาตรการเพิ่มอัตรากำลังพนักงานก่อนวิกฤติ
  4. เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 ได้เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อติดตามความคืบหน้า ซึ่ง รัฐมนตรี ได้สั่งการให้ รฟท.จัดทำรายละเอียดและข้อมูลความต้องการอัตรากำลังให้ปลัดกระทรวงภายในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561
  5. เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 ฝ่ายทรัพยากรบุคคล การรถไฟฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดความต้องการอัตรากำลังทั้งหมดไปยังปลัดกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฯ ต้องมีพนักงานทั้งหมด 19,241 อัตรา แยกเป็นพนักงาน 16,660 อัตรา และลูกจ้าง 2,581 อัตรา
  6. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 สร.รฟท.ได้ออกจดหมายข่าว เรื่อง อัตรากำลัง…สำคัญ…จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
  7. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 สร.รฟท. ทำหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานกรรมการรถไฟ เรื่อง ขอการสนับสนุนให้เร่งดำเนินการเรื่องเพิ่มอัตรากำลังของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย
  8. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 สร.รฟท. เข้าพบ ประธานกรรมการรถไฟฯ กรรมการ และผู้บริหารการรถไฟฯ ประธานกรรมการรถไฟได้แจ้งให้ทราบว่า การรถไฟฯได้ดำเนินการขอเพิ่มอัตรากำลังไปยังกระทรวงแล้ว
  9. เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ สร.รฟท.ได้ติดตามเรื่องอัตรากำลัง ได้รับคำชี้แจงจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลว่า กระทรวงคมนาคม ได้มีหนังสือถึงการรถไฟฯเมื่อ 21 มิถุนายน 2561 ให้การรถไฟฯชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม และฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็ได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมชี้แจงกลับไปแล้ว เมื่อ 3 สิงหาคม 2561
  10. เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 สร.รฟท. ได้ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวน มติครม. 28 กรกฎาคม 2541 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล

11.เมื่อวัน 26 กันยายน 2561 ทาง สร.รฟท.ได้เข้าพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ห้องประชุม 2 กระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้า ในเรื่องการขอเพิ่มอัตรากำลังของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย

12.เมื่อวัน 26 ตุลาคม 2561 ทาง สร.รฟท.ติดตามความคืบหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้รับแจ้งว่าทาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องส่งไปที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)แล้ว

  1. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ความเห็นประกอบเรื่องการขออนุมัติอัตรากำลังพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) อยู่ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)แล้ว รอนำเสนอเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)

การดำเนินการของ สร.รฟท. ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นระยะ และสื่อมวลชนก็ได้นำเสนอข่าวนี้ทุกครั้งที่ สร.รฟท.เคลื่อนไหว ต่อแต่นี้ไป ขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหา หากล่าช้าหรือมีการถ่วงรั้งเอาไว้ จะเกิดวิกฤตขึ้นในการรถไฟฯอย่างแน่นอน ขอให้ทุกท่านติดตามสถานการณ์ และรายงานข่าวจาก สร.รฟท.อย่างใกล้ชิด ต่อไป

รายงานโดย สหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย