ประธานกมธ.สวัสดิการสังคม ย้ำชัด รัฐบาลไม่ควรตัดลดงบประมาณเด็กเล็กถ้วนหน้า ที่เป็นงบประมาณรายหัว ระบุรัฐให้งบฯ ซื้ออาวุธกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ไม่ให้งบฯสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าแค่ 2 หมื่นกว่าล้าน ที่จะสนับสนุนเด็กได้ถึง 4 ล้านคน ด้านประธานคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ ยังรอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลในวันที่ 30 เมษายนนี้ ว่าเด็ก 4 ล้านคนจะได้ 600 บาทถ้วนหน้าหรือไม่ ย้ำทุกพรรคฯช่วงหาเสียงมีนโยบายสวัสดิการเด็ก แต่ไม่ปรากฎงบประมาณนี้ในนโยบายของรัฐบาล
วันที่ 20 เมษายน เครือข่าย นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี(ภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก) ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนติดตามนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี(ภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก) ณ Chaam Eco Camp Resort อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 เมษายน 2567
ผศ.สุนี ไชยรส ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เป็นการเชื่อมร้อยภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อน นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการถอดบทเรียน ทบทวนสถานการณ์และร่วมกันกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้เกิดขึ้นและเป็นผลกับเด็กๆทุกคนที่เป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ
จากนั้นเป็นการนำเสนอ “พลวัตสังคมการเมือง เส้นทางการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็ก ถ้วนหน้า (อดีต ปัจจุบัน อนาคต) ” โดยมี ผศ.สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ และ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกล
สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ยังรอ เด็ก 4 ล้านคนได้ 600 บาทถ้วนหน้า
ผศ.สุนี ระบุ เครือข่ายฯสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ ยังรอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลในวันที่ 30 เมษายนนี้ ว่าเด็ก 4 ล้านคนจะได้ 600 บาทถ้วนหน้าหรือไม่ ย้ำทุกพรรคฯช่วงหาเสียงมีนโยบายสวัสดิการเด็ก แต่ไม่ปรากฎงบประมาณนี้ในนโยบายของรัฐบาล
ผศ.สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ นำเสนอภาพรวมการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็ก ถ้วนหน้า ว่า จาการทำงานของเครือข่ายนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั่วประเทศ เราได้จัดทำข้อเสนอเบื้องต้นคือ ขอ 600 บาทถ้วนหน้า ตั้งแต่ 0-6 ปี แต่รัฐบาลให้เพียงเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้ครัวเรือนละไม่เกิน 100,000ต่อปี
ดังนั้นจึงมีเด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนฯ ดังกล่าว ประมาณ 2 ล้านกว่าคน จากเด็ก 4 ล้านกว่าคน นั่นหมายความว่ามีเด็กที่ตกหล่นไม่ได้เงินอุดหนุน 2 ล้านคนโดยประมาณ
ทั้งนี้ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ กล่าวด้วยว่า การที่ไม่สามารถทำให้นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กเป็นถ้วนหน้าได้นั้น รัฐบาลเกือบทุกสมัย อ้างว่ารัฐบาลไม่มีเงิน รัฐบาลต้องนำเงินไปใช้ในเรื่องอื่นก่อน ดังนั้นนโยบายถ้วนหน้าจึงทำไม่ได้ ควรให้เฉพาะคนจนคือครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
“ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว (2566) เราได้จัด เวทีให้พรรคการเมืองนำเสนอนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ซึ่งทุกพรรคมีนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า แต่เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลนโยบายเด็กเล็กถ้วนหน้ายังไม่เกิดขึ้น และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ไม่พูดนโยบายเงินเด็กเล็กถ้วนหน้า แต่ขอทำเรื่องเงินดิจิตัล 10,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่านโยบายของรัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องเด็กเล็กถ้วนหน้า และประเด็นสำคัญ เด็กเกิดน้อยลง ในขณะที่รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มประชากร ซึ่งหากยังไม่แก้ปัญหาโครงสร้างจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้”
อย่างไรก็ตาม นอกจากข้อเสนอเงินสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าแล้ว เครือข่ายฯ ยังได้มีข้อเสนอขอให้เด็ก 4 ล้านกว่าคนเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ คือการสนับสนุนให้เกิดศูนย์เด็กเล็กในชุมชน แต่ปัจจุบันเด็กก็เข้าได้เพียง 2 ล้านคน เนื่องจากข้อจำกัดที่ว่าศูนย์เด็กเล็กเปิดในระบบราชการ คือ 8 โมงเช้า 4 โมงเย็น หยุดเสาร์ อาทิตย์ ในขณะที่ผู้ปกครองต้องทำงานเลิก 5 โมงเย็น วันเสาร์ต้องทำงานจึงไม่พาลูกเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ ยังมีลูกของแรงงานข้ามชาติ กลุ่มชาติพันธ์ ที่ไม่ได้เข้ามาสู่ระบบอีกด้วย
ด้านกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วราวุธ ศิลปะอาชา มีนโยบายจะให้ 600 บาท แต่ได้รับถ้วนหน้า จากการผลักดันของ P-MOVE และล่าสุดทางเครือข่ายฯ ต้องรออีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน นี้ ว่ารัฐบาลจะรับนโยบายนี้หรือไม่
ประธานกมธ.สวัสดิการสังคม ระบุชัด รัฐไม่ควรตัดลดงบประมาณเด็กเล็กถ้วนหน้า ในขณะที่รัฐพร้อมให้เงินซื้อาวุธ 2 แสนล้านบาท
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรรมาธิการสวัสดิการสังคมจะดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงเสียชีวิต ในขณะที่ประเทศไทยทำงบประมาณตกหล่นตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แม้กรรมาธิการจะอนุมัติเงินไปแล้ว แต่เด็กก็ยังตกหล่น 1.5 ล้านคนแน่ๆ และยังมีเงินฌาปนกิจที่มีเงื่อนไขมากมาย ที่สำคัญคือตายแล้วถึงจะได้ และต้องเป็นคนจน
เรื่องราวเหล่านี้มีการพูดถึงมากสุดคือก่อนเลือกตั้ง เพราะเป็นช่องทางในการหาเสียงเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองพูดเหมือนกันหมด ว่าเด็กต้องได้แบบถ้วนหน้า อย่างไรก็ตามหลังเลือกตั้งจะดำเนินการนโยบายที่ประชาชนให้ความสนใจ
“เงินดิจิตัลใช้งบ 500,000 ล้านบาท รัฐบาลบอกว่าทำได้ แต่นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ใช้เงินน้อยกว่า รัฐบาลสามารถทำได้ทันที ซึ่งเรามาเตือนความจำว่ารัฐบาลสัญญาอะไรไว้กับประชาชน”
ประธานกมธ.สวัสดิการสังคม กล่าวอีกว่า การลงทุนในมนุษย์ซึ่งมีความสำคัญกับประเทศในระยะยาว ที่ใช้งบประมาณไม่ถึง 200,000 ล้านบาท ในขณะที่งบซื้ออาวุธเกิน 200,000 ล้านบาท ความเหลื่อมล้ำในครอบครัวนำมาซึ่งการเลี้ยงดูเด็ก ล้วนแล้วแต่เป็นต้นทุนในการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กทั้งสิ้น เงิน 600 บาทให้เด็ก 4 ล้านคน ใช้เงินประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท แต่เราจะได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า เป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของประเทศ ถามว่ารัฐบาลคิดได้หรือไม่ รัฐบาลคิดได้ แต่การลงทุนในเด็กเกิดผลช้ากว่าการลงทุนก่อสร้างหรือซื้ออาวุธ หากเมื่อไหร่ที่รัฐบาลเห็นพ้องไปในทางเดียวกัน เราจะได้งบประมาณในการพัฒนาเด็กเพิ่มมากขึ้น
“สิ่งที่กรรมาธิการ ดำเนินการคือ ระบุว่าการอุดหนุนเด็กรายหัวแบบนี้ไม่ควรตัด และของบประมาณให้กับนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าไปแล้ว สำหรับเด็ก 4 ล้านคน ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท หากงบประมาณในส่วนนี้ไม่ถูกตัดเลย ปี 2568 จะได้ 4 ล้านคนถ้วนหน้าและการยื่นเอกสารต้องง่ายกว่านี้”