วานนี้เวลา 13.50 น.ขบวนของคนงานพีซีบีได้เคลื่อนโดยการใช้รถยนต์ 8 คัน ไปธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม การเคลื่อนครั้งนี้เพื่อไปตรวจสอบว่าเงิน 6.5 ล้านบาทนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ตามที่นายจ้างสั่งจ่ายให้คนงานเพื่อบรรเทาทุกข์ขณะที่รอการเจรจาค่าชดเชยตามกฎหมาย โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดระยะเส้นทาง เมื่อเวลาประมาณ 15.25 น.ขบวนได้เคลื่อนถึง ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ (สีลม) พนักงานของธนาคารได้ต้อนรับและพาตัวแทนเข้าไปรอผู้บริหารของธนาคารในห้องพักของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและได้รับการประสานงานจาก คุณชัยสิทธิ ประธานสหภาพแรงงานธนาคาร และกล่าวว่า “โครงสร้างเศรษฐกิจเอารัดเอาเปรียบดังคำที่ว่า “จนกระจุก รวยกระจาย” คนระดับล่างลุกขึ้นสู้ จึงทำให้คนสนใจ”
หลังจากนั่นตัวแทนทั้งหมดได้ขึ้นเจรจากับผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯพบว่ามีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานสำนักคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานนั่งรออยู่ที่นั้นแล้ว 3 คน ทราบว่ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงิน 6.5 ล้านบาทเช่นเดียวกันกับคนงานพีซีบี
คุณภัทรณัฐ ตัวแทนคนงานพีซีบี สอบถามกับผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯว่าเงินจำนวน 6.5 ล้านบาทมีอยู่จริงหรือไม่ บริษัทฯอ้างว่า “ธนาคารมีเงื่อนไขว่าถ้ารับเงินจำนวน 6.5 ล้านบาทแล้วต้องไม่เอาผิดกับบริษัทฯ” และสามารถนำเงินจำนวนนี้มาให้คนงานได้บรรเทาความเดือดร้อนได้หรือไม่รวมถึงการที่ธนาคารได้เข้ามาถือหุ้นอยู่นั้นจะรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร
คุณนิพล ตัวแทนคนงานอีกคนหนึ่ง สอบถามอีกว่า สินทรัพย์ที่บริษัทฯได้จำนองไว้กับธนาคารนั้นมีอะไรบ้างและในส่วนที่เหลือจากการจำนองและเงินตรงนี้จะอนุมัติได้เมื่อไหร่ ส่วนไหนบ้าง
ผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯ ได้ตอบคำถามกับคุณภัทรณัฐว่า เงินจำนวน 6.5 ล้านบาทนี้มีอยู่จริง ส่วนจะนำออกมาให้ได้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับคุณธวัชเพาะเป็นเจ้าของเงินที่ขณะนี้คุณธวัชเบิกเงินไปใช้ไม่ได้เพาะธนาคารได้บล็อกเงินไว้เพาะธนาคารเป็นเจ้าหนี้อยู่ในส่วนที่ธนาคารเข้ามาถือหุ้นไว้นั้น ผู้ถือหุ้นไม่ร่วมรับผิดชอบ เพาะถูกบังคับต้องเข้าไปลงทุนเพื่อฟื้นฟู่และปรับโครงสร้าง โดยเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นเพื่อเปลี่ยนจากหนี้เป็นทุน แบงก์ทำธุรกิจ ส่วนหนึ่งก็ต้องเอาคืน ถ้าไม่เอาคืนจะตอบคำถามผู้ถือหุ้นได้อย่างไร และได้ตอบคุณนิพลว่า ทรัพย์แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่จำนองและไม่จำนอง ที่ดิน อาคารและเครื่องจักรเป็นทรัพย์สินที่ติดจำนองส่วนที่เหลือนั้นคนงานต้องรู้ว่าเหลืออะไรบ้างที่ยังไม่ติดจำนอง ส่วนเงินจะอนุมัติได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับคุณธวัชเจ้าของบริษัทฯ
ระหว่างนั้น นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยกับตัวแทนคนงานของบริษัท พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัด ได้ตามขึ้นไปสบทบในการเจรจาด้วย
เจ้าหน้าที่จากสำนักคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานได้เจรจากับผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯว่า เป็นไปได้ไหมที่ธนาคารจะบล็อกเงินไว้เหมือนเดิม แต่ให้คุณธวัชมาเซ็นโอนเงินให้เจ้าหน้าที่เพื่อที่จะจ่ายค่าชดเชยในส่วนนี้ให้กับลูกจ้างและได้โฟนอินคุยกับคุณธวัชว่า ขณะนี้อยู่ที่ ธ.กรุงเทพฯ มีผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯ ยินยอมที่จะผ่อนผันให้เอาเงินออกมาจ่ายค่าชดเชยบางส่วนให้กับคนงาน และอยากทราบว่าจะมาทำเรื่องกับทางธนาคารได้เมื่อไหร่ จะให้ทางธนาคารทำเอกสารเพื่อให้คุณธวัชมาเซ็นในวันพรุ่งนี้ เวลา 11.00 น.มาพบที่ ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ (สีลม) และโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าบัญชีสำนักสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี ในนามของลูกจ้างบริษัท พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัด
เวลา 17.35 น. ตัวแทนคนงาน พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหารของ ธ.กรุงเทพฯ และผู้แทนสำนักคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับเงินของบริษัทฯจำนวน 6.5 ล้านบาท โดยมีข้อสรุปร่วมกันดังนี้
1. ธนาคารกรุงเทพฯตกลงให้ ผู้แทนบริษัทฯมาทำเรื่องยินยอมให้เบิกเงินของบริษัทฯ จำนวน 6.5 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายค่าชดเชยบางส่วนให้แก่ลูกจ้าง
2. ให้ผู้แทน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรีมาเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อรับเงินโอนจากบริษัทฯ จำนวน 6.5 ล้านบาท เพื่อจัดสรรจ่ายให้กับลูกจ้างต่อไป
3. ผู้แทนบริษัทฯแจ้งว่าจะมาติดต่อเพื่อทำเรื่องกับธนาคารในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลาประมาณ 09.30 น.
ทั้งนี้ ประเด็นปัญหาคนงานพีซีบี คือการที่นายจ้างประกาศปิดกิจการเลิกจ้าง ไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายกำหนด บริษัท พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ฯศรีราชา จ.ชลบุรี มีพนักงาน 500 กว่าคน ทำกิจการผลิตแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์ ส่งขายให้ต่างประเทศ 23 มิ.ย. 2553 บริษัทพีซีบีเกิดเหตุเพลิงไม้อย่างรุนแรงภายในโรงงาน ทำให้มีพนักงานเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 20 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟไหม้ 7 ราย ซึ่งขณะนี้ทั้ง 7 รายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.ระยอง หลังเกิดเหตุ ทางโรงงานจำเป็นต้องแจ้งปิดกิจการชั่วคราว ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา 75 โดยจ่ายค่าจ้างให้พนักงาน 75% ตามกฎหมาย และสื่อสารให้คนงานวางใจว่าจะมีการปรับปรุงโรงงานเพื่อให้กลับเข้ามาทำงานได้อีก แต่ท้ายสุดตัวแทนบริษัทฯแจ้งคนงานว่า บริษัทจะปิดกิจการ(ถาวร) ในวันที่ 27 ม.ค. 2554 โดยจะมีเงินจ่ายค่าชดเชยรวม 6.5 ล้านบาท และห้ามพนักงานฟ้องร้องใดๆบริษัทอีก หมายความว่า คนงานซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทแห่งนี้มานานกว่า 10 ปี จะไม่ได้ค่าชดเชยตามอายุงานตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ซึ่งเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 60 ล้านบาท 7 เดือนที่ผ่านมา คนงานได้รับความเดือดร้อนมาก การจะหางานใหม่ก็ลำบาก เพราะส่วนใหญ่มีอายุค่อนข้างมาก คนงานบางคนมีอายุมากกว่า 50 ปี
ส่วนการนัดชี้ขาดของคนงาน MAXXIS นั้นต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย การไตรส่วนข้อเท็จจริงต้องรอข้อมูลประกอบการชี้ขาดในวันพรุ่งนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2554 ส่วนเรื่องอื่นไม่มีความคืบหน้า
ด้านคนงานของฟูจิตสึ กระทรวงแรงงานได้ใช้อำนาจในการสั่งให้นายจ้างต้องเจรจากับลูกจ้างและต้องจบในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554
อัยยลักษณ์ เหล็กสุข นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวระยอง-ชลบุรี รายงาน