7 ปีประชาไท เสรีภาพสื่อ-สังคมไทย

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.เว็บไซต์ประชาไทได้มีการจัดพบปะสังสรรค์สนทนาเปิด “ประชาไท” ในมุมที่คุณอาจยังไม่รู้จัก เนื่องในโอกาสครบรอบ 7 ปี ประชาไท ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ สุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นักข่าวพลเมือง นักสิทธิมนุษยชน แรงงาน คนเสื้อแดง ภาคประชาชน และอาเซียน ฯลฯ

รศ.วรเจตน์  ภาคีรัตน์   ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้กล่าว ปาฐกถา “สื่อ..และที่ทางของเสรีภาพในสังคมไทย?” โดยสรุปได้ดังนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อมวลชนนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะสื่อนั้นนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเจตจำนงทางการเมืองของประชาชน การที่สื่อสามารถรายงานและวิเคราะห์ข่าวอย่างเสรี เป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดเสียไม่ได้ ในรัฐที่เป็นประชาธิปไตย เพราะสื่อมีความสำคัญในการสื่อสารรายงานข่าว และเชื่อมระหว่างระบอบรัฐสภากับประชาชน

ความเป็นประชาธิปไตยการเสรีภาพกับสื่อในการทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริง สื่อต้องทำหน้าที่ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลการทำงานของภาครัฐแล้วนำเสนอต่อประชาชน สื่อต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจรัฐนักการเมือง และทุน สื่อมวลชลมีความสำคัญในการสื่อสารข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารที่รอบด้านหลากหลาย และรัฐมีหน้าที่ต้องทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสื่อ และอย่าตั้งสมมุติฐานว่าประชาชนไม่สามารถที่จะรับรู้คิดเองได้ ต้องเชื่อว่าประชาชนที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถที่จะตัดสินใจเชื่อใคร ไม่เชื่อใครก็ได้ เพียงแต่สื่อต้องทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเพื่อให้ประชาชนมีความพร้อมในการแสดงออกซึ่งอำนาจการเมืองของเขา แต่ปัจจุบันสื่อมวลชนยังไม่สามารถทำหน้าที่สื่อสารได้อย่างเป็นที่น่าพอใจมากนัก ดังนั้น ไม่ใช่แค่ระดับการศึกษาที่แสดงออกที่จะเป็นปัจจัยสำคัญ หากแต่เป็นความหลากหลายในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงเห็นต่างกับความคิดที่ว่า สังคมไทยไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย เพราะสำนึกประชาธิปไตยต่างหากที่มีผล และการเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลายมีความสำคัญกว่าอย่างเทียบไมได้

อะไร คือพื้นฐานของสื่อมวลชน การรับข้อมูลข่าวสารเพื่อสื่อสารออกไป แต่มีการกลั่นกรองควบคุมกันเอง โดยกองบรรณาธิการ ทำให้เชื่อได้ว่าสื่อมวลชนเองก็ยังไม่เป็นมืออาชีพพอ  การที่กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพสื่อไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า สื่อสามมารถที่จะนำเสนอข่าวของตนไปตามที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นก็ได้ และเมื่อมีการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง ทำให้คนอื่นเสียหาย นำไปสู่ความขัดแย้ง องค์กรที่ควบคุมวิชาชีพสื่อก็น่าจะมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ปัจจุบัน ไม่สามารถควบคุมสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพจนนำไปสู่ ข้อขัดแย้งได้ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง นั้นอาจไม่สามารถบอกว่าเป็นเสรีภาพของการสื่อสาร และ หากดูประวัติศาสตร์ จะพบว่า การเซ็นเซอร์สิ่งพิมพ์มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ มีการเผาหนังสือ แต่ผมมีความเห็นว่าการเซ็นเซอร์จากรัฐแม้จะน่ากลัวก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าการที่สื่อจงใจเซ็นเซอร์หรือจงใจไม่รายงานข่าวบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับทัศนคติของตัว ไม่ว่าจะด้วยความกลัวหรือด้วยอคติอย่างอื่น

ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พบว่าสื่อมวลชนไม่ลังเลที่จะวิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรที่เข้าควบคุมการใช้อำนาจรัฐโดยตรง ในสังคมไทยการนำเสนอข่าวแค่นี้ยังไม่เพียงพอ ตนคิดว่าสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริง และข่าวสารของอำนาจที่ไม่ได้เปิดเผยโดยตรงให้ประชาชนได้รับรู้ด้วยข่าวสารที่หลายคนไม่อยากแตะต้อง อยากเห็นสื่อมวลชนที่มีความกล้าหาญนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนรอบด้านถ้าไม่สามารถทำได้ การก่อตั้งเจตจำนงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยก็ไม่อาจจะเกิดได้อย่างครบถ้วน มีคุณภาพ

วันนี้ สื่อภาคประชาชนได้มีการพัฒนาเป็นสื่อทางเลือกมากขึ้น ในการที่จะทำข่าวเชิงลึก เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารกล้าวิพากษ์วิจารณ์องค์กรสถาบันต่างๆ ทำให้สื่อกระแสหลักต้องมีการปรับตัวมากขึ้น แต่หากสื่อมวลชนเองยังไม่สามารถปรับตัวตามทัน

สุดท้าย สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับประชาไท ที่ก่อตั้งแต่ปี 2547 ช่วงแรกมีคนรู้จักน้อยมาก คนที่อ่านข่าวหรือแสดงความเห็นในเว็บบอร์ดส่วนหนึ่งเป็นนักวิชาการ จะนำเสนอข่าวสารเอ็นจีโอหรือคนด้อยโอกาสทางสังคม แรงงาน ต่อมาทำข่าวประเด็นการเมืองมากขึ้น และเมื่อต้องแสดงจุดยืนทางการเมือง พบว่าประชาไทมีโอกาสแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนหลังการรัฐประหาร ไม่ว่าโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

แม้จะถูกกล่าวหาว่าเอียง แต่ประชาไทยังคงยืนหยัดในการที่จะนำเสนอข้อมูลข่าวสารท่ามกลางที่มีสื่อจำนวนน้อยมากที่กล้าจะยืนขึ้นบอกว่าการรัฐประหารไม่ถูกต้อง โดยไม่กลัวว่าการทำเช่นนั้นเป็นการเข้าข้างหรือรับใช้คณะรัฐบาลที่ถูกล้มไป นี่เป็นความประทับใจของผมต่อประชาไท ประเด็นที่ประชาไทเสนอนั้นหลายเรื่องเสนอก่อนสื่ออื่น เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ตุลาการภิวัตน์ และการนำเสนอข่าวของคนด้อยโอกาส แรงงาน ควบคู่กับการเมือง โดยยังคงทำหน้าที่อยู่อย่างสม่ำเสมอ จนทำให้ประชาไทเป็นสื่อทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจ โดยมีเว็บบอร์ดให้พื้นที่วิพากษ์วิจารณ์รับฟังความคิดเห็นต่างจนนำไปสู่คดีความจนต้องปิดเว็บบอร์ด

อยากเห็นประชาไทนำเสนอข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ประเทศไทย เชื่อว่าหากประชาชนมีการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์มากกว่านี้ จะทำให้ประชาชนเข้าใจถ้าประชาไทจะทำข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมือง ก็น่าจะทำในเชิงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากขึ้น และอยากเห็นความหลากหลายในการตีความประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับบริบทการเมืองไทยในปัจจุบันและคิดว่าประชาไทน่าจะเป็นสื่ออันดีในการนำเสนอได้ อยากให้ประชาไทมีบทความทางวิชาการมากขึ้น และอยากเห็นการนำเสนอของกองบรรณาธิการที่มีมุมมองที่ต่างไปจากปัจจุบัน ประชาไทมีจุดยืนบนหลักการทำงานสื่อเพื่อประชาธิปไตย และไม่ต้องกังวลว่าใครจะกล่าวหาว่าไปเข้าข้างฝ่ายใด ประชาไทจะเป็นด่านหน้าในการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่อยู่บนความถูกต้องเป็นธรรม ในยามที่สื่อจำนวนมากละเลยต่อภารกิจนี้

ท้ายสุดขอขอบคุณจอน อึ๊งภากรณ์ ที่ได้ก่อตั้งประชาไทขึ้นมา และหวังว่าประชาไทจะอยู่คู่กับข้อมูลข่าสารและดึงตัวเองขึ้นไปเป็นสื่อมวลชนกระแสหลักในอนาคต และคงจุดยืนในการรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย นิติรัฐ และประเด็นที่สุ่มเสี่ยงแต่สำคัญในช่วงที่ประเทศไทย ช่วงกำลังเปลี่ยนผ่านและหวังว่าในอนาคต เมื่อประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ประชาไทก็จะเป็นสื่อมวลชนที่โดดเด่นเป็นสง่าและเป็นแบบอย่างให้สื่อมวลชนอื่นๆ ของบ้านเราต่อไป

ต่อมาได้มีการเสวนา “ประชาไท พื้นที่สื่อเพื่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น”  โดยมีนายอธิกกิต แสวงสุข หรือนายใบตองแห้ง นักข่าวอาวุโส ,นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์  กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค,ดร.สุนัย ผาสุก ผู้ประสานงานที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำประเทศไทย, นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ ประชาไท,นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น

นางสาวสุภิญญา กล้าณรงค์ กล่าวว่า เว็บไซต์ประชาไทเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนได้นำเสนอข่าวสาร และสมารถที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารได้ มีพื้นที่เปิดให้องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ได้อธิบายเสนอข่าวสาร ข้อมูล และพร้อมให้พื้นที่ในการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของNGOsได้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการดีที่ไม่ได้มุ่งแต่ตรวจสอบการทำงานของรัฐเท่านั้น ยังมีการตรวจสอบการทำงานกันเองด้วยถือเป็นความก้าวหน้า

กรณีที่ตนได้เข้าไปเป็นกรรมการกสทช.ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ อย่างเปิดเผยในสื่อสาธารณะ มีประชาไทที่มีพื้นที่ให้อธิบาย ตอบคำถาม ไขข้อข้องใจได้ แต่สื่ออื่นๆไม่มีพื้นที่แบบนี้ให้ นี้ข้อสำคัญของสื่อเมื่อเราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นๆแล้ว ต้องมีพื้นที่ในการที่จะรับฟัง หรือให้เขาได้มีโอกาสในการอธิบาย และประชาไทต้องเปิดพื้นที่มากขึ้น ภายใต้ขณะนี้มีสื่อใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะโซเซียลมีเดีย ตอนนี้เป็นพื้นที่ที่มีการทำงานตรวจสอบ ส่งข่าวสารกันง่ายขึ้นภายในกลุ่ม และเป็นพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งคงต้องมีการพัฒนาความรับรู้เรื่องการสื่อสารแบบใหม่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะมากขึ้น

ดร.สุนัย ผาสุก กล่าวว่า ประชาไทถือเป็นสื่อที่มีพื้นที่ในตนได้เขียนบทความให้ข้อมูลข่าวสารให้กับสังคมได้รับรู้อีกมุมที่สื่ออื่นๆไม่มี ทั้งเป็นสื่อที่ให้พื้นที่ในการชี้แจงไขข้อสงสัยต่างๆได้ทุกคน และพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ ทุกคน ทุกองค์กร ที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าตรวจสอบหรือให้พื้นที่ เว็บไซต์ประชาไทมีความหลากหลายของข่าวสาร แต่เป็นเพียงพื้นที่ของคนที่คุ้นเคยคุยกันเท่านั้น  ประชาไทเป็นสื่อออนไลน์ที่มีพื้นที่หนึ่งที่เปิดให้มีการเสนอข่าวได้ แต่อยากเห็นประชาไทมีความพร้อมที่จะให้พื้นที่ให้กับคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง

ประเด็นครบรอบ 7 ปีเว็บไซต์ประชาไท ผ่านไปแล้วในอนาคตประชาไทจะเป็นอย่างไรต่อไปจะเป็นสื่อที่มีนักข่าวพลเมืองร่วมเสนอข่าวได้ เป็นพื้นที่ข่าวสำหรับคนทุกกลุ่ม

นายอธิกกิต  แสวงสุข กล่าวว่า เว็บไชประชาไทเป็นสื่อที่มีเสรีภาพ แต่คนที่มีความเห็นต่างก็ไม่มาร่วมแสดงความคิดเห็น หรือใช้พื้นที่ อาจเป็นเพราะไม่มีคนที่เข้ามาเชียร์ ประชาไทเราเป็นแดง แต่ไม่ใช่แดงทักษิณ เราต้องแสดงว่า เราคือแดงแบบก้าวหน้า คนที่เข้ามาอ่านข่าวในประชาไทส่วนใหญ่จะไม่สนใจอ่านข่าวนักข่าวพลเมือง แต่จะวิพากษ์วิจารณ์ข่าวการเมือง การที่เราเขียนบทความหรือข่าวลงไปแล้วมีคนมาเขียนต่อท้าย วิจารณ์ ซึ่งข่าวเว็บไซต์ต่างจากข่าวหนังสือพิมพ์ที่เขียนแล้วเขียนเลยให้คนอ่าน แต่เว็บไซต์ ยังสามารถมาเปิดอ่านข่าวย้อนหลังได้อีก จะอยู่กับเราอีกนาน

เว็บไซต์ประชาไทความเป็นนักข่าวประชาไทพลาดหัวข้อข่าวแบบเรียบๆ ต่างจากสื่อกระแสหลักมืออาชีพที่พลาดหัวข้อข่าวแบบหวือหวาโดนใจชวนอ่าน อันนี้คือข้อแตกต่างที่เห็น

นายประวิตร โรจนพฤษ์ กล่าวว่า สื่อมวลชนกระแสหลักที่เขียนข่าวอย่างที่ต้องการนำเสนอซึ่งเป็นข้อเท็จจริง แต่อาจถูกตัดข่าวออก เนื่องจากบรรณาธิการมองว่าไม่เหมาะสม เป็นการเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อมวลชน สื่อบางสื่อจะถูกนำเสนอข้อมูลด้านเดียวแบบซ้ำๆ โดยที่สื่ออื่นไม่กล้าที่จะมีการนำเสนอข้อคิดเห็นต่าง แต่ส่วนของเว็บไซต์ประชาไท มีการนำเสนอ เรื่องนักโทษการเมือง รณรงค์ให้มีการยกเลิกมาตรา 112  กรณีที่มีการเซ็นเซอร์หนังที่วิพากษ์ทักษิณ ชินวัตร เรื่องเช็กเปียร์สมควรตาย กรณีคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่โดนคดีมาตรา 112 ถูกกักขังสื่อมวลชนไม่มีการนำเสนอข่าว กรณีคุณคำผกา วิพากษ์พุทธศาสนาก็โดนพี่น้องเสื้อแดงสายพุทธศาสนาวิจารณ์

เว็บไซต์ประชาไทจึงเป็นพื้นที่สื่อที่ต้องทำหน้าที่สื่อสาร และตระหนักถึงเรื่องสถาบันที่มีการใช้สื่อผลิตซ้ำ และต้องกล้าที่จะวิจารณ์ เพื่อลดอำนาจการผูกขาดอำนาจ การผูกขาดสื่อ ฟรีทีวี ต้องมีบทบาทปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก และการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน และทุกองค์กร

ต้องส่งเสริมขันติที่ยอมรับความเห็นต่าง ความเห็นต่างที่ทำให้ความขัดแย้งแตกแยกเป็นการสร้างความขัดแย้งต่อสังคม ชนกลุ่มน้อย คนจนเมือง แรงงาน และกลุ่มคนด้อยโอกาส ได้มีพื้นที่ส่งเสียงและมีการสร้างพื้นที่สาธารณะในการสื่อสารมากขึ้น

เรื่องความเป็นกลาง หรือเลือกข้าง ประชาไทถูกมองว่าไม่เป็นกลาง การยืนอยู่ตรงกลางในการวิพากษ์วิจารณ์ ยืนบนพื้นที่ประชาธิปไตย ให้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น อย่าให้มีการยึดติดหรือเชิดชูตัวบุคคล ให้มีพื้นที่เสนอข้อเท็จจริง ประชาไทต้องคงความโปร่งใสตรวจสอบได้ พร้อมที่จะน้อมรับการถูกวิพากษ์วิจารณ์

นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร กล่าวว่า เว็บไซต์ประชาไทไม่ได้ตรงมากนัก แต่เราก็พยายามที่จะนำเสนอข่าวสารข้อมูลข้อเท็จจริงที่สื่อกระแสหลักทำไม่ได้ หรือไม่ทำ การที่สื่อกระแสหลักไม่สามารถที่จะนำเสนอข่าวได้ เพราะเขาไม่มีความมั่นคงพอ เพราะสื่อกระแสหลักมีการลงทุนมีความเป็นองค์กรใหญ่ หากนำเสนอแล้วเกิดผลกระทบต่อองค์กรอาจเกิดความเสียหายนี่อาจเป็นข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก ต่างกับเว็บไซต์ประชาไทที่เป็นเพียงองค์กรสื่อเล็กๆจะล้มลุกคุกคานบ้างกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร

การที่ประชาไทเปิดพื้นที่ให้มีการแสดงความคิดเห็นท้ายข่าวโดยที่ไม่มีการสกรีนความคิดเห็นส่งผลให้เกิดคดีความ และปิดไป แต่ยังมีพื้นที่ลงบทความ ข้อมูลข่าวสารสำหรับคนที่ต้องการแสดงความคิดเห็น ส่วนของคนที่มีความคิดเห็นต่างแต่ยังดูเหมือนไม่ประสบผล เพราะคนที่เห็นต่างยังไม่มีเขียนเข้ามา อย่างไรก็ตามประชาไทยังมีเสรีภาพในการที่จะเสนอข่าวสารข้อคิดเห้นของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกองค์กร

นักสื่อสารแรงงาน โครงการการพัฒนาสื่อ รายงาน