แรงงานนอกระบบกทม.ยื่น 4 ข้อเสนอ-ผู้ว่าฯหวังหลักประกัน-สัมมาอาชีพ-สวัสดิการ-ไร้การกีดกัน

เครือข่ายศูนย์ประสานแรงงานนอกระบบ กรุงเทพมหานคร ยื่น 4 ข้อเสนอ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต เสนอต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องในวันสมัชชาแรงงานนอกระบบ วันที่ 11 กันยายน 2555 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร คือ 1.สนับสนุนการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบอาชีพ 2. สนับสนุนและส่งเสริมการบริการด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน 3. เร่งประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 4.สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการจัดการอาชีพ

 

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ตระหนักถึงคุณค่าของแรงงานนอกระบบซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยคิดเป็นร้อยละ 45.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) และได้สนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบผ่านแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์ประสานงานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านอาชีวอนามัย การจัดการอาชีพ และสวัสดิการมาตั้งปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยปฏิบัติร่วมกับกลุ่มอาชีพที่อาศัยอยู่ในชุมชนต่างๆ ครอบคลุม 10 เขตควบคู่กับการสร้างองค์ความรู้จากกระบวนการทำงานที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย รวมทั้ง เสริมศักยภาพของผู้นำและกลุ่มอาชีพ ในการทำงานทั้งในระดับกลุ่มชุมชนและเครือข่าย ที่จะส่งผลต่อการพัฒนานโยบายสาธารณะระดับพื้นที่ ระดับเขต และกทม.

 

ด้าน นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ ประกาศเจตนารมณ์ เครือข่ายศูนย์ประสานแรงงานนอกระบบ กรุงเทพมหานคร  ด้วยความมุ่งมั่นและความใฝ่ฝันที่จะเห็นแรงงานนอกระบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในด้านอาชีพและรายได้ ได้รับการดูแลด้านสุขภาพความปลอดภัยในการทำงาน  และมีหลักประกันในชีวิต  ที่จะนำไปสู่การมีสังคมสัมมาชีพ สังคมไร้การกีดกันและสังคมสวัสดิการ ที่จะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมของสังคมไทยในภาพรวม   เรา..เครือข่ายแรงงานนอกระบบ กรุงเทพมหานคร จึงขอประกาศเจตนารมณ์ ณ ที่นี้ ว่า พวกเราจะผนึกพลังกัน ผลักดันและขยายผลหลักคิดสังคมสัมมาชีพ สังคมไร้การกีดกันและสังคมสวัสดิการ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติกับตนเอง ในครอบครัว ไปถึงระดับนโยบายท้องถิ่น และระดับชาติ โดยมีข้อเสนอต่อกรุงเทพมหานครเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามหลักคิดดังกล่าว ดังต่อไปนี้

เครือข่ายศูนย์ประสานแรงงานนอกระบบ กรุงเทพมหานคร ได้รวมตัวกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบในระดับกลุ่มและชุมชน โดยการประสานความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน การดำเนินงานที่ผ่านมามีทั้งความสำเร็จ ได้องค์ความรู้และบทเรียนในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็มีปัญหาและอุปสรรคที่สามารถจะจัดการร่วมกันได้ ถ้าได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมจากภาครัฐ เนื่องในการจัดงานสมัชชาเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในระหว่างแรงงานนอกระบบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรุงเทพมหานคร ทางเครือข่ายศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบกรุงเทพฯ จึงมีข้อเสนอนโยบายต่อกรุงเทพมหานครเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ดังนี้

1.สนับสนุนการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบอาชีพ โดยการออกบัตรประจำตัวผู้ประกอบอาชีพเพื่อรับรอง “สถานภาพ” ว่าเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองจากกรุงเทพมหานคร เพื่อเอื้ออำนวยในการประกอบอาชีพทั้งในด้านสถานที่ การลดหย่อนการบังคับใช้กฎระเบียบของกรุงเทพฯ ในกรณีที่ยังรอกระบวนการอนุญาตหรือการออกบัตรที่ถูกต้องตามระเบียบ การเข้าถึงสิทธิและบริการของกรุงเทพฯ จากหน่วยบริการภาครัฐในระดับเขตหรือแขวง รวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการประกอบ สำหรับกลุ่มอาชีพผู้ค้าหาบเร่แผงลอย มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ เก็บขยะและซาเล้ง

2. สนับสนุนและส่งเสริมการบริการด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน โดยกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อการจัดบริการเชิงรุกในระดับชุมชน ประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานให้บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะเบื้องต้นในการคัดกรองโรคที่เกิดจากการทำงาน การพัฒนากลไกการเฝ้าระวังโรคอันเนื่องมาจากการทำงาน โดยการเสริมศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขและผู้นำแรงงานนอกระบบในแต่ละกลุ่มอาชีพ ให้มีบทบาทและมีศักยภาพในการเป็น “อาสาสมัครอาชีวอนามัยชุมชน”

3. เร่งประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการจัดตั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร โดยการสมทบงบประมาณร่วมกันระหว่างกรุงเทพฯ และ สปสช. ตามระเบียบหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น เพื่อการจัดบริการสุขภาพที่เน้นการส่งเสริมป้องกันและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน

4.สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการจัดการอาชีพ เพื่อการเข้าถึงงานและมีรายได้สม่ำเสมอ โดยพิจารณาตามบริบทของกลุ่มอาชีพดังนี้

4.1 กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้า มีการจัดสรรจัดสรรโควต้าการจัดซื้อจัดจ้างชุดนักเรียน สำหรับกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าในชุมชนที่ได้รับการรับรองจากศูนย์ ฝึกอาชีพ โรงเรียนฝึกอาชีพ สังกัดสำนักพัฒนาสังคม อย่างน้อยร้อยละ 30 ของชุดนักเรียนทั้งหมด

4.2 กลุ่มแท็กซี่ กำหนดนโยบายให้สถานที่ราชการและสถานที่เอกชน จัดหาที่จอดรถแท็กซี่และจัดระบบการรับส่งผู้โดยสาร และพิจารณาให้เป็นจุดผ่อนผันถาวรแก่กลุ่มแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย เพื่อการเข้าถึงบริการและแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ

4.3 กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เพิ่มตัวแทนผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการขับขี่และจอดรถบนทางเท้า

4.4 กำหนดให้มีผู้แทนของกลุ่มอาชีพหรือแรงงานนอกระบบเข้าไปทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลการประกอบอาชีพของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานเพื่อสนับสนุนส่งเสริมความมั่นคงด้านอาชีพและรายสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของแรงงานนอกระบบ

 

ปาฐกถาพิเศษ โดย นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “สุขภาวะแรงงานนอกระบบ : รวยกระจุก ทุกข์กระจาย vs สุขกระจาย รายได้เพิ่ม” โดยสรุปว่า พร้อมที่จะร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะมุมมองนโยบายกรุงเทพมหานครที่มีผลต่อการสร้างสุขภาวะให้กับพี่น้องผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) ผู้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรุงเทพมหานคร และประเทศชาติ

การจัดสมัชชาแรงงานนอกระบบครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์และแนวทางการจัดการอาชีพและรายได้ สุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่เอื้อต่อความมั่นคงในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมของผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) ภาคประชาสังคม ภาคการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชน และหน่วยงานภาครัฐ ในการขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายการจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การจัดการอาชีพและรายได้ รวมถึงการนำนโยบายสู่การปฏิบัติในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดแนวทางปฏิบัติงาน ด้านการจัดการอาชีพรวมถึงสุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เป็นนโยบายการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพ ในชุมชน (แรงงานนอกระบบ)

ในกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) กรุงเทพมหานคร ได้ตระหนัก มาโดยตลอดว่า ผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรุงเทพมหานคร และเป็นกลุ่มอาชีพที่เกื้อกูลต่อประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร เช่น กลุ่มผู้ประกอบอาชีพค้าขาย กลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กที่ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) ให้ดีขึ้น โดยมีการส่งเสริมและพัฒนาในด้านความมั่นคงในอาชีพและรายได้ และด้านสุขภาพความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ในการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานคร

ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสนับสนุนและการมีส่วนร่วม จากพี่น้องผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) และภาคประชาสังคมทุกภาคส่วน เพื่อเป็นพลังหลักที่สำคัญที่จะผลักดันการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ให้เป็นไปตามเจตจำนงของทุกท่านที่เข้ามาร่วมงานสมัชชาแรงงานนอกระบบ ในวันนี้ กรุงเทพมหานครเชื่อมั่นและยินดี จะสนับสนุนกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดแนวทางการปฏิบัติงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างแรงงานนอกระบบ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐ ในการดำเนินงานการจัดการอาชีพรวมถึงสุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน นอกระบบในกรุงเทพมหานคร และจะนำข้อเสนอจากสมัชชาแรงงานนอกระบบ ในวันนี้ ไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักพัฒนาสังคม สำนักอนามัย ภายใต้สังกัดกรุงเทพมหานคร กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับปัญหาและเจตจำนงของพี่น้องแรงงานผู้ประกอบอาชีพในชุมชน รวมถึงสนับสนุนกระบวนการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัญหาและกำหนด นโยบายร่วมกัน ระหว่างพี่น้องแรงงานผู้ประกอบอาชีพในชุมชน (แรงงานนอกระบบ) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย และเชื่อมั่นว่าการจัดงานสมัชชาแรงงานนอกระบบในครั้งนี้ จะเป็นพลังไปสู่การขับเคลื่อนข้อเสนอของพี่น้องแรงงานผู้ประกอบอาชีพในชุมชน ไปสู่ปฏิบัติการให้สัมฤทธิผลมากยิ่งขึ้น

จากนั้นทาง เครือข่ายศูนย์ประสานแรงงานนอกระบบ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นข้อเสนอเนื่องในวันสมัชชาแรงงานนอกระบบ 11 กันยายน 2555 ต่อรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และจัดเวทีเสวนา เรื่อง “สุขภาวะแรงงานนอกระบบ : รวยกระจุก ทุกข์กระจายVSสุขกระจายรายได้เพิ่ม” โดยสรุปดังนี้

 

กลุ่มมอเตอร์ไชค์รับจ้าง ได้เสนอว่า ปัญหาที่พบขณะนี้คือการขึ้นทะเบียนจากป้ายขาวเป็นป้ายเหลืองหรือรถสาธารณะของแต่ละเขตพื้นที่มีความล่าช้า ไม่มีการเปิดขึ้นทะเบียนใหม่ทำให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างป้ายขาวมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีความเสี่ยงที่จะโดนตำรวจจับ การเรียกเก็บค่าเสื้อค่าเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ที่แพงมาก การกำหนดจำนวนการขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะว่าควรมีจำนวนรถวิ่งเท่าไรต่อวิน ซึ่งเป็นปัญหามากต่อการไม่เพียงพอขอผู้ใช้บริการ และอาจเป็นอันตราย หรือไม่มีความปลอดภัยต่อผู้โดยสารได้ เนื่องจากไม่มีระบบตรวจสอบ หรือขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียนจะทำให้เกิดการดูแลและรู้ว่าคนขับเป็นใครอยู่ที่ไหนตรวจสอบได้ หากมีปัญหาด้านบริการแก้ผู้โดยสารก็จะจัดการได้ และมีการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อเลือกตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการร่วมกับทางเขตในการกำหนดกฎระเบียบการขึ้นทะเบียน การตรวจสอบดูแลกันและกัน การจัดสวัสดิการ และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากเขตพื้นที่เป็นต้น

 

เครือข่ายซาเล็งได้เสนอประเด็นว่า สภาพปัญหาของทั้ง 2 กลุ่มนั้น การทำบัตรประกันสังคมมาตรา 40 ในส่วนของจักรยานยนต์รับจ้างได้สมัครแล้ว แต่การรักษาพยาบาลใช้บัตรทองของหลักประกันสุขภาพ ส่วนประกันสังคมมาตร 40 เป็นหลักประกันเมื่อสูงวัยได้บำเหน็จหรือบำนาญ การที่เสนอให้มีการขึ้นทะเบียนป้ายเหลืองหรือบัตรประจำตัวเพื่อแสดงถึงการมีตัวตนจริงๆ ในการประกอบอาชีพจักรยานยนต์รับจ้าง กลุ่มซาเล้งเองต้องการขึ้นทะเบียนมีบัตรประจำตัว เพื่อให้สมารถตรวจสอบได้ เมื่อเข้าไปหาของหรือรับซื้อตามหมู่บ้านได้ เพราะการที่ถูกคนกล่าวหาว่าพวกซาเล็งขโมยของ หากมีบัตรประจำตัวขึ้นทะเบียนทำให้รู้ว่าใครเป็นใครตรวจสอบได้ ซึ่งสะดวกต่อการติดตาม ซึ่งเคยมีการขึ้นทะเบียนกลุ่มซาเล็งที่สำนักงานเขตลาดพร้าว ผู้มีบัตรประจำตัวให้ ลงชื่อผู้กำกับการสถานีตำรวจลาดพร้าว มีเสื้อกั๊กหมายเลข ส่งผลให้ได้รับความสะดวกการเข้าหมู่บ้านเก็บของเก่า และการไม่มีบัตรมีผลเสียทำให้เข้าไปตามหมู่บ้านไม่ได้ อยากให้กรุงเทพมหานคร(กทม.) มองด้วยว่า คนทำงานซาเล็งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำประโยชน์ให้กทม.สะอาดมากขึ้น การรวมกลุ่มก็เช่นเดียวกับกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อการเข้าถึงระบบสวัสดิการ และความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

 

ตัวแทนในเครือข่ายผู้ขับรถแท็กซี่ เสนอให้กทม.กำหนดที่จอดรถให้สอดคล้องตามที่ผู้โดยสารมี “ที่จอดแท็กซี่อัจริยะไม่อยู่ตามที่ชุมชน” ให้กทม.ช่วยจัดที่จอดรถตามสถานที่ราชการ เช่น โรงพยาบาล เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ที่ต้องการใช้บริการแท็กซี่ด้วย การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่เศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตผู้ให้บริการขับรถแท็กซี่ ซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่ต้องประชาสัมพันธ์ด้วยการรับผู้โดยสารชาวต่างชาติจึงอยากให้จัดอบรมภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร และข้อเสนอที่คล้ายกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และซาเล็งคือการขึ้นทะเบียนคนขับรถแท็กซี่ให้มีตัวตน และป้องกันอาชญากรรม การบริการที่ปลอดภัย

 

ในส่วนตัวแทนแรงงานนอกระบบประเภทตัดเย็บเสื้อผ้ากล่าวว่า การจ้างงานในแรงงานนอกระบบที่กทม.ต้องดูแลการจ้างงานมี 10 ประเภท และ หนึ่งในการจ้างงานคือ ประเภทการตัดเย็บเสื้อผ้าที่รับไปทำที่บ้าน ซึ่งได้มีการขึ้นทะเบียน เป็นกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้า โดยสภาพปัญหาของกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าคือการเข้าถึงการจ้างงานของกทม. เช่นการตัดเย็บชุดนักเรียน ชุดทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งปัญหามาจากการเข้าถึงการประมูลที่ต้องแงขันกับบริษัทที่มีเงินทุนมากกว่า เนื่องจากมีการเรียกเก็บเงินประกันร้อยละ 5 ซึ่งกลุ่มไม่มีหาก และปัญหาใบรับรองมาตรฐานฝีมือ ในส่วนของฝีมือคิดว่าไม่เป็นรองโรงงานอย่างแน่นอน ปัญหาการที่กลุ่มไม่มีงานประจำทำอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดผลกระทบต่อการเข้าถึงสวัสดิการประกันสังคมมาตรา 40 ความปลอดภัยในการทำงาน การมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะมีรายได้ไม่สม่ำเสมอเป็นต้น

กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าเสนอว่า ให้กทม.จัดอบรมหลักสูตรตัดเย็บเสื้อผ้าระยะสั้นเพื่อการออกใบรับรองฝีมือ ลดการกำหนดกฎเกณฑ์ระเบียบในทางปฏิบัติเรื่องการเข้ารับงานของกทม. เช่นให้โรงเรียนที่สังกัดกทม.ใช้บริการของกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าของแรงงานนอกระบบในแต่ละเขตพื้นที่ เพื่อการสร้างรายได้ ซึ่งเคยมีการจ้างงานในอดีต และขณะนี้ก็มีการนำร่องจ้างกลุ่มที่เขตบึงกุ่ม และสนับสนุนการจ้างงาน เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้าที่เป็นชุดยูนิฟอร์มของเจ้าหน้าที่

 

ตัวแทนกลุ่มหาบเร่ แผงลอย ร่มเกล้ากล่าวว่า ปัญหาคือ เทศกิจให้ยกเลิกสถานที่ขายบริเวณทางเดินทำให้การขายของอยู่บนความกลัวที่ไม่มั่นคง อยากให้มีการออกบัตรผู้ค้าหาบเร่ แผงลอย เพื่อจะได้ดูแลและเข้าถึงสวัสดิการ การบริการ และแหล่งทุน รวมทั้งกู้เงินธนาคาร ขณะนี้มีการรวมกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือกันในกลุ่มยามเจ็บป่วย ขณะนี้มีหน่วยงานวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนให้ความช่วยเหลือด้านการรวมกลุ่มและสุขภาพ ต้องการให้หน่วยงานรัฐส่งเสริมด้านการมีจุดผ่อนผันในการขายของ จัดให้มีการออมเงิน และเยี่ยมเยียนช่วยเหลือกันในกลุ่ม การผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ส่งเงินประกันไม่ต่อเนื่องมีความกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครอง กรณีที่แรงงานนอกระบบเป็นประชากรแฝงในกทม. จึงเสนอให้มีกองทุนเรื่องเพื่ออาชีพ มีโครงการให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการกู้เงินนอกระบบ 

 

นางสุจิน รุ่งสว่าง เครือข่ายศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ เห็นว่า การจ้างงาน ปัญหาบางส่วนมาจากระเบียบราชการ ทั้งที่ใบรับรองของกทม.น่าจะเป็นบรรทัดฐานได้ สำหรับระเบียบการตัดเย็บมาจากส่วนราชการ เพราะเรามีกองทุนสวัสดิการ สำหรับการจัดการอาชีพล้วนๆ เขตหนองจอก รวมกลุ่มออมเดือนละ 50 บาท เพื่อจัดเงินกู้ประกอบอาชีพ และ ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน มีกองทุนฌาปนกิจและกองทุนปล่อยกู้เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ในการทำงาน และกลุ่มแท็กซี่อาสาพัฒนาแรงงานนอกระบบ มีกองทุนแท็กซี่ ด้วยการจัดให้มีการรวมกลุ่มออมทรัพย์ธรรมดาไปก่อน ในอนาคตอาจทำให้เป็นนิติบุคคล

นางสุจิน กล่าวอีกว่า ความสำคัญของอาชีวอนามัย คือ คนทำงานขาดความรู้ด้านการป้องกันตนเอง ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากการทำงาน เช่น การเย็บผ้าที่ส่งผลต่อทางเดินหายใจ และส่งผลต่อระบบอื่นๆ ในร่างกาย แรงงานนอกระบบจำเป็นต้องมีความรู้ในการป้องกันความรู้และความเสี่ยงจากการทำงาน ตัวอย่างการสร้างกลไกเพื่อการป้องกันสุขภาพของแรงงานนอกระบบ ร่วมกับ นักวิชาการและกลุ่มอาชีพในรูป “อาสาสมัครอาชีวอนามัย (อสอช.)” กองทุนสุขภาพท้องถิ่นระดับพื้นที่จะช่วยทำงานในลักษณะส่งเสริมป้องกัน หากได้นำการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านบุคลากร ความร่วมมือ และงบประมาณ จะทำให้ การทำงานมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น รวมทั้งการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการบริหารกองทุนในรูปของคณะกรรมการที่มาจากทุกภาคส่วน อาชีวอนามัยในกลุ่มคนขับแท็กซี่ ต้องการเห็นกทม.ตรวจสุขภาพให้แก่แท็กซี่ เนื่องจากจำนวนชั่วโมงการทำงาน 12-15 ชั่วโมงต่อวันในกรุงเทพฯมีแท็กซี่มากกว่า 150,000 คน แรงงานนอกระบบไม่มีสวัสดิการ แต่มีความเสี่ยงต่อการทำงาน

กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้ามีความเสี่ยงเรื่องสายตา เสียง ฝุ่นฝ้าย แสง หลัง นิ้วล็อค อยากให้สำนักอนามัยให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น อสม. ได้มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาชีวอนามัยเพื่อให้ความรู้กับกลุ่มอาชีพในชุมชน เพื่อป้องกันตนเองได้ “สร้างแกนนำด้านอาชีวอนามัย” “ให้ความรู้” ต้องการให้สำนักอนามัยหรือหน่วยแพทย์ดูแลรักษาเชิงรุก ซึ่งเป็นงานป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพของกลุ่มอาชีพ ซึ่งเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ การรวมตัวของกลุ่มอาชีพ ทำให้ กลุ่มอาชีพเข้าถึงบริการ หรือ สนับสนุนได้ง่าย เนื่องจากมีตัวตนชัดเจน

นางสุจิน ยังกล่าวอีกว่า อยากเห็นการมีส่วนร่วมจากกระทรวงแรงงาน กทม. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำเป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง และจะทำตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ของกระทรวงแรงงาน สำหรับ กทม.นั้น ได้คำตอบว่า เราจะมีงานทำ มีฝีมือ มีกองทุนสุขภาพท้องถิ่น จากความร่วมมือของ สปสช.และกทม. ในส่วนของแรงงานได้มีการรวมกลุ่มด้านอาชีพ สำหรับการผลักดันมาตรา40 ประกันสังคม ต้องการให้ขยายอายุจาก 60 ปี เป็น 65 ปี วันนี้ได้ช่องทางในการได้รับการพัฒนาฝีมือและใบรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากเห็นพื้นที่นำร่องของกทม.ที่แรงงานนอกระบบและพื้นที่ที่มีความพร้อม อยู่ 10 เขต เรื่อง อาชีวอนามัย กองทุนสวัสดิการ และกลุ่มอาชีพ เราต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงาน กทม. ในการสร้างความยั่งยืน รวมทั้งขอให้กทม.ทำงานร่วมกับสปสช. ทำงานเรื่อง กองทุนสุขภาพท้องถิ่น

 

นางสัญลักษณ์ ช่วยนุกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมอาชีพ สำนักพัฒนาสังคมกรุงเทพมหานคร กล่าวโดยสรุปดังนี้ ในประเด็นของคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างนั้นจะรับไปประสานกับสำนักจราจรและขนส่ง โดยเขตพื้นที่ หรือเทศกิจ รับดำเนินการตามกฎเกณฑ์ของระเบียบราชการ โดยคณะกรรมการจัดระเบียบเรียบร้อยของเขต โดยเข้าไปคุยกับเทศกิจเพื่อจะได้เข้าไปมีส่วนร่วม 

เคยมีการจ้างงาน10 กลุ่มอาชีพ แต่เป็นกฎเกณฑ์บางกรณี ตอนนี้การตัดเย็บเสื้อผ้าของพนักงานขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงานซึ่งสามารถใช้ระเบียบที่เปิดไว้ให้ เขาจึงมีการกำหนดการจางงานเอง ข้อที่ควรให้ความสำคัญของกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้า คือ การส่งงานควรมีความตรงเวลา ผลงานดีมีคุณภาพ รวมทั้งการให้บริการปรับการแก้หากมีปัญหาเป็นต้น และขอให้กลุ่มอาชีพรวมกลุ่มด้านกองทุนด้วย เพื่อใช้เป็นการใช้เงินประกันสัญญาการจ้างผลิตเพราะเป็นระเบียบที่กำหนดอันนี้แก้ไม่ได้ อาจต้องขอให้มีการส่งจดหมายถึงเขตพื้นที่ต่างๆในกทม.เพื่อให้เขตได้รับรู้ว่ามีการรวมกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้า และให้มีการจ้างงานเป็นการเปิดเผยการรวมกลุ่ม เรื่องการทดสอบฝีมือ คงต้องประสานงานเพื่อจัดวันทดสอบฝีมือโดยไม่ต้องเรียนใหม่เพื่อการออกใบรับรองการประกอบอาชีพ และอาจมีการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้ด้วย โดยจะประสานทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานเข้ามาร่วมกันทำงาน หรือหากต้องการฝึกอาชีพ สามารถเข้าเรียนได้ หรือเรียนผ่านออนไลน์ก็ได้ กรณีเรื่องหาบเร่ แผงลอย จะประสานเขต เพราะมีการกำหนดจุดผ่อนผันใหม่ ขอให้แจ้งรายละเอียด

นางสาวสุจิณณา กวยสกุล นักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมจัดหางานกระทรวงแรงงานกล่าวโดยสรุปว่า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ แรงงานนอกระบบ อยู่ในส่วนของประกันสังคมมาตรา 40 โดยสามารถเข้าสู่ประกันสังคมได้เลย มีกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน มีทุนหมุนเวียน สามสิบล้านบาท สามารถกู้เงินกองทุนได้ 50,000 – 200,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี

 

น.พ.รัฐพล เตรียมวิชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 (กทม.) กล่าวว่า ส่วนสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นส่วนสนับสนุนทางด้านสุขภาพ ด้านบัตรทอง กองทุนสุขภาพตำบล โดยสปสช.ให้งบ 40 บาทต่อหัวและรวมกับงบของท้องถิ่น เพื่อตั้งกองทุนให้ชาวบ้านบริหาร

สำหรับพื้นที่กทม. ยังไม่สามารถตั้งกองทุนที่มีภาคประชาชนผลักดันหรือริเริ่มได้ สำนักอนามัย กทม.ได้สมทบเรื่องการสร้างสุขภาพของกทม.อยู่แล้ว โดย สปสช.ให้งบสนับสนุนสำนักอนามัยไม่มาก ทำงานด้านการสร้างสุขภาพส่วนบุคคล เช่น เยี่ยมกรณีคลอด เจ็บป่วย สภาพแวดล้อม ให้ความรู้ต่างๆ กองทุนที่เกิดขึ้นจากประชาชนโดยตรง มีการทดลองนำร่อง กระบวนการทำงานกับส่วนราชการมีกฎกติกาการทำงาน ซึ่งหากทำได้จริงการดำเนินการร่วมกันย่อมไม่ยาก กองทุนมีสองส่วนคือ กองทุนที่จัดการกันเอง โดยมีรัฐสมทบ

กองทุนสุขภาพของสปสช. ที่ตั้งในชุมชน โดยมีการลงขันกับกทม. ระบบการรักษาพยาบาลหรือศูนย์บริการสาธารณสุขไม่สอดคล้องกับจำนวนประชาชนที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพตามความเสี่ยงหรือจากการเกิดอุบัติเหตุจำเป็นต้องการรักษาทันที แต่การวินิจฉัยเพื่อการรักษาพยาบาลบางเรื่องต้องใช้เวลา การแยกคุณภาพในการรักษาพยาบาล กับ ความพึงพอใจในการได้รับบริการ การใช้สิทธิบัตรทองในการดูสุขภาพ เมื่อไปใช้บริการคลินิกในเครือสปสช. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในบางรายการ ระบบการบริการยังมีปัญหาระบบการให้บริการสุขภาพได้ หากมีปัญหาสามารถโทรที่ 1330 เพื่อสอบถามและแก้ปัญหาจะเป็นกรณีเร่งด่วน การรวมกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ขยายเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อให้การสนับสนุนจากภาครัฐเป็นไปได้ การพึ่งพาตนเองทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เริ่มจากตัวของแรงงานเองซึ่งต้องช่วยตนเองและเพื่อน

 

นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯกล่าวว่า แนวทางของกทม. คือ ออกข้อบัญญัติเพื่อสมทบเงินเข้ากองทุน ที่ประชาชนออม เพื่อดูแลสุขภาพเกิดแก่เจ็บตาย เป็นรูปแบบการร่วมสมทบ กำลังผลักดันเข้าสู่สภากทม. หากข้อบัญญัติผ่านจะเป็นการปลดล็อคเรื่องกองทุน สำหรับแท็กซี่ การพัฒนาทักษะด้านภาษาให้แก่แท็กซี่ เตรียมความพร้อม การเข้าสู่การเป็นสมาชิกอาเซียน และฝึกอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า จะตัดเย็บเสื้อให้แท็กซี่ นักเรียน พนักงานในกทม.

จุดเริ่มต้นของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี คือ 1. การให้ความรู้เบื้องต้นในการทำงานและดูแลตนเองในแต่ละบริบทของอาชีพ 2. การตรวจสุขภาพแรงงานนอกระบบอย่างสม่ำเสมอ 3. การรักษาพยาบาล หากมีสามส่วนนี้จะทำให้คนมีสุขภาพดีขึ้น 

ซึ่งกทม.จะทำงานร่วมกับกลุ่มอาชีพและชุมชน โดยทำงานแยกตามกลุ่มอาชีพ กทม.จะทำงานเชิงรุกด้านสุขภาพมากขึ้น เช่น การตรวจโรคตามความเสี่ยง สำนักงานอนามัย กองสภาพแวดล้อม กทม.คือ 

1. บทบาททำงานให้ความรู้ด้านอาชีวอนามัย แก่กลุ่มแรงงานในสถานประกอบการ 

2. ศูนย์บริการสาธารณสุขมี 68 แห่ง ให้บริการเยี่ยมบ้านทุกวัน 

3. อาสาสมัครสาธารณสุข ในเขตกรุงเทพมหานคร(อสส.) พร้อมที่จะได้รับการอบรมด้านอาชีวอนามัยเพื่อดูแลแรงงานนอกระบบ ซึ่งหากมีนโยบายที่ชัดเจน

4. เสนอให้แรงงานนอกระบบมีอาชีพเสริมเพื่อสร้างทางเลือกในการหารายได้ เนื่องจากงานไม่มั่นคง

กลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง : ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา คือ การไม่มีส่วนร่วมของกลุ่มอาชีพ เพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงและปัญหา เพื่อให้คณะกรรมการได้รับทราบและพิจารณาการแก้ปัญหาได้ถูกต้องและเหมาะสม การแก้ระเบียบ ซึ่งการปรับแก้ระเบียบ ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ระเบียบ สำหรับอาชีวอนามัยทุกฝ่ายต้องการความรู้เพื่อป้องกันตนเองจากการการทำงาน บัตรอาชีพเพื่อแสดงตัวตนตามกลุ่มอาชีพ สามารถป้องกันอาชญากรรม จากมิจฉาชีพ รวมทั้งป้องกันการซื้อขายซื้อเสื้อวิน และการมีส่วนร่วมของแรงงานนอกระบบในการทำแผนงานของกทม. เพื่อให้นโยบายหรือการปฏิบัติตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง 

การขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกับกระทรวงแรงงานและสปสช. ซึ่งการตอบสนองความต้องการขึ้นอยู่กับรูปแบบของการออกแบบการทำงาน ข้อเสนอต่างๆเป็นข้อเสนอที่ในส่วนของกทม.ต้องแก้ไข และถือเป็นการมีส่วนร่วม เป็นข้อเสนอที่ดีในการทำงาน และคิดว่าคงต้องมีการพูดคุยกันเพื่อช่วยกันให้สามารถทำงานได้ 

 

นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานนอกระบบมีหลักประกันในการทำงานคือ ระบบประกันสังคม มาตรา 40 และในยามเจ็บป่วยได้เงินชดเชยการขาดรายได้หรืออุบัติเหตุ แต่การเข้าสู่ประกันสังคม ต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี การต้องการได้รับการพัฒนาด้านอาชีพหรืออาชีวอนามัยของแรงงานนอกระบบในกทม. ขอให้รวมตัวกันเพื่อให้กระทรวงจัดให้ความรู้ โดยระบุ ความต้องการตามกลุ่มอาชีพ กรณีความร่วมมือกันระหว่ากระทรวงแรงงานกับกรุงเทพมหานครทางกระทรวงฯยินดีทำงานร่วมกับกทม. และทุกภาคส่วนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ และเสนอให้แรงงานนอกระบบมีอาชีพเสริมเพื่อสร้างทางเลือกในชีวิตการผลักดันงานต่างๆ ต่อภาครัฐ ต้องเริ่มที่ตนเองและกลุ่มเพื่อช่วยกันทำงานผลักดัน และมีส่วนช่วยดูแลสังคม

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน