กลุ่มผู้หญิง – แรงงานสระบุรีเสนอปฏิรูปประกันสังคมแบบมีส่วนร่วม เน้นสร้างโรงพยาบาลประกันสังคม
นายบุญสม ทาวิจิตร อายุ 38 ปี ประธานกลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรีและใกล้เคียง กล่าวว่า ประกันสังคมมีการประกาศบังคับใช้มา 20 ปีแล้ว มีผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 8- 9 ล้านคนที่เป็นแรงงานในระบบเท่านั้นที่ได้รับการคุ้มครอง การหักเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคมมีมูลค่ามหาศาล หลายแสนล้าน ปัญหาที่พบและปรากฏชัดเจนคือความโปร่งใสในการบริหารจัดการ การนำเงินไปลงทุนนั้น คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด)บริหารควรมีความชำนาญรอบรู้ในการลงทุนหรือเชียวชาญด้านการลงทุนเป็นอย่างมากเพราะผลกำไรที่ได้รับต้องนำไปคืนเข้ากองทุน เพื่อนำมาจ่ายเป็นสวัสดิการใหผู้ประกันตนในส่วนของสิทธิผลประโยชน์ทั้ง 7 กรณี ผู้ประกันตนได้รับยังไม่มากพอ ทั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้ประกันตนหรือผู้ใช้แรงงานควรได้รับความรู้เรื่องของประกันสังคมให้มากกว่านี้ เช่นเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ หรือแม้แต่ กองทุนเงินทดแทน มีสหภาพแรงงานเป็นผู้จัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกันตนเท่านั้น อยากให้สำนักงานประกันสังคมมีส่วนเข้ามาให้ความรู้ ทำความเข้าใจแก่ผู้ประกันตนให้มากขึ้น โดยเฉพาะการหักเงินของลูกจ้าง แต่นายจ้างไม่นำส่งเป็นปัญหาที่ผู้ประกันตนไม่ได้รับสิทธิ ส่วนมากเป็นลูกจ้างเหมาค่าแรง ในส่วนของระบบไตรภาคี การสรรหาบรอดบริหารควรมาจากผู้ประกันเป็นผู้เลือกเนื่องจากถูกหักฝ่ายละ 5 % ระหว่างลูกจ้างนายจ้าง แต่ส่วนของภาครัฐสมทบเพียง 2.75 % แต่เป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่มากที่สุดในสำนักงานประกันสังคม
นายบุญสม ยังกล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะมีการปฏิรูปประกันสังคมให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างบอร์ดบริหาร ความเป็นตัวแทน ที่มาจากกระทรวงแรงงาน การเข้าแทรกแซงของนักการเมือง จึงเห็นควรมีการปฏิรูปสำนักงานประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระไม่ควรอยู่ในอำนาจของรัฐบาลมากเกินไป
การปรับโครงสร้างบอร์ดบริหารงานใหม่ในส่วนฝ่ายลูกจ้างควรให้ผู้ประตนเป็นผู้เลือกตั้งตัวแทน ไม่ใช่ให้สหภาพแรงงานเป็นผู้เลือก เพราะสหภาพแรงงานหากเทียบกับผู้ประกันตนนั้นถือว่ามีน้อยมาก การขยายสิทธิของผู้ประกันตนทั้ง 7กรณีนั้นถือว่า เป็นผลดีหากเป็นความต้องการของผู้ประกันตน แต่จะน้อยหรือมากนั้นต้องดูที่ความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านนางสาวธนพร วิจันทร์ อายุ 39 ปี ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี กล่าวว่าปัญหาของประกันสังคม ณ ปัจจุบันโครงสร้างบอร์ดบริหารงานยังไม่มีผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหาร ทั้งๆที่มีประเด็นสอทธิที่เกี่ยวข้องกับของผู้ห
ญิงเช่นเรื่อง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร โดยเฉพาะกรณีสงเคราะห์บุตรจ่ายสิทธิประโยชน์เพียงเดือนละ 350บาท นั้นไม่สอดคล้องกับสภาวะในปัจจุบัน ที่เด็กมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพิ่มขึ้น
ในการปฏิรูปประกันสังคม ควรที่จะแยกเป็นองค์กรอิสระแต่ต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดให้ชัดเจน การเพิ่มสิทธิหรือการใช้บริการได้ง่ายขึ้น หากยังจะใช้ระบบเดิมแบบหน่วยงานราชการจะไม่มีความคล่องตัว ซึ่งประกันสังคมควรมีโรงพยาบาลเป็นของตัวเองดีกว่านำเงินค่าหัวจ่ายให้โรงพยาบาลเอกชน
นางสาวธนพร ยังเสนอทางออกในการปฏิรูปประกันสังคมไว้ 3ประเด็นหลักดังนี้
1. การปรับโครงสร้างของบร์อดบริหาร ควรให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเลือกตั้งบอร์ดบริหารเอง ผู้แทนไม่ควรมีแต่เขตกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ควรกระจายออกมาสู่เขตภูมิภาค จัดการเลือกตั้งในสถานประกอบการที่มีผู้ประกันตนทำงานอยู่
2. จัดตั้งโรงพยาบาลของประกันสังคมเป็นโรงพยาบาลนำร่องในเขตพื้นที่เสี่ยงเช่น จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดที่มีเมืองอุตสาหกรรมจำนวนมาก และมีตัวเลขจำนวนผู้ประกันตนสูง เพื่อมาดูแลผู้ประกันตนในเรื่องการเจ็บป่วย โรคที่เกี่ยวกับการทำงานและสิ่งแวดล้อม
3. การขยายสิทธิประกันสังคมไปสู่แรงงานนอกระบบ และแรงงานข้ามชาติ เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐที่สนับสนุนให้มีการรับงานไปทำที่บ้านหรือการทำ MOU ประเทศใกล้เคียง ดังนั้นรัฐควรเข้ามาดูแลสิทธิการรักษาพยาบาลให้กับผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ด้วย
นงนุช ไกรศาสตร์ นักสื่อสารแรงงานศูนย์ข่าวสระบุรี รายงาน