แม่ขอนมให้ลูกสาวพิการ นอนรพ.3 ปีตกงานไม่รู้ตัว

แม่สาวโรงงาน พิการเดินเท้าหลายกิโล ขอนมให้ลูกกิน หลังป่วยหนักนอนโรงพยาบาลรักษาตัวนาน 3 ปีกว่า ไม่รู้กฎหมายสุดท้ายต้องตกงานไม่รู้ตัว 

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีชาวบ้าน 2 คน เดินทางมาจากโรงพยาบาลบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาขอสิ่งของยังชีพที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วม ทางเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯได้ซักถามข้อมูลเบื้องต้นเพื่อไว้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการช่วยเหลือในด้านต่างๆ ตามข้อมูลที่ได้กรอกไว้

ป้าทัศนา  หลาวเพชร เป็นแม่ของคนป่วย เล่าว่า “ป้ามาจากโรงพยาบาลเดินมานะ ไม่มีค่อยมีเงิน จะมาขอนมให้ลูกสาวกิน ลูกป้าป่วยรักษาตัวอยู่ที่รพ.บางปะอิน ตอนแรกอยู่ที่ รพ.นวนคร 2 ต้องย้ายออกเพราะน้ำมันท่วม”

ป้าทัศนา เล่าต่อว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกสาวทำงานอยู่ที่ บริษัท Panasonic นวนคร ชื่อ น.ส.สุกัญญา แก้วสด ลูกสะใภ้ (แฟนของลูกเลี้ยง) โทรมาบอกว่า ลูกสาวไม่สบายหนัก ไม่ยอมกินอะไรเลย ป้าไปรับลูกสาวมารักษาที่ รพ.บางปะอิน แต่ทางรพ.ไม่รับเพราะประกันสังคมอยู่ที่ รพ.นวนคร เลยปรึกษากันและพาไปส่งรพ.นวนคร 1 ที่อยู่ใกล้  ซึ่ง รพ.นวนคร 1 รับไว้  หมอได้ฉีดยาแล้วให้กลับบ้าน

ก่อนที่ป้าจะรับน้องมารักษาทางฝ่ายบุคคลของบริษัทฯส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ปทุมเวช แต่ทางโรงพยาบาลไม่รับเพราะประกันสังคมอยู่ที่ รพ.นวนคร 1  แต่ทางรพ.นควนคร 1 ก็ไม่ยอมรับ โดยให้เหตุผลว่า เครื่องมือทางแพทย์ไม่พร้อม ในที่สุดต้องส่งต่อไปที่ รพ.นวนคร 2  เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอน ในวันที่ 7 หรือ 8 พฤศจิกายน 2551 หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก แต่น้อง(ลูกสาวป้าที่ป่วย)เค้าบอกกับป้าว่า “หนูไม่ได้เส้นเลือดในสมองแตกหรอกนะแม่ ถ้าหนูเป็นหนูคงตายไปแล้ว” ป้าทัศนากล่าว

ป้าทัศนา กล่าวอีกว่า จากนั้นหมอบอกว่า น้องป่วยเนื่องจากไขสันหลังมีเม็ดเลือดสีแดงปนอยู่ ถ้าคนปกติจะมีแต่เม็ดเลือดขาวเท่านั้น น้องยังเด็กอยู่คงไม่เป็นไร หมอให้กลับบ้านพร้อมใบรับรองแพทย์ให้พัก 8-11 พฤศจิกายน 2551 แต่ยังไม่ได้ทำงาน

ต่อมาลูกสาวชักตาค้างเกร็งทั้งตัว เข้ารพ.นวนคร 1 หมอบอกน้ำในสมองเยอะ ต้องเจาะน้ำออก ให้ป้าเซ็นต์ชื่ออนุญาตให้ผ่าตัด ประมาณวันที่ 17-19  พ.ย.ผ่าตัด ก่อนที่จะผ่าตัด “น้องเค้ายังรู้สึกตัวอยู่ ป้าถามว่า จำแม่ได้ไหม ถ้ำได้ยกนิ้ว 2 นิ้วนะ น้องเค้ายกนิ้วขึ้นเค้าจำป้าได้ หลังจากผ่าตัดแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอีก”

ผู้บริหารบริษัทเรียกป้าเข้าไปคุย บอกว่า ป้าไม่ต้องห่วงนะมีหมอที่มีฝีมือรักษา แต่หลังจากนั้น บริษัททำเรื่องให้ลูกสาวป้าเป็นผู้ป่วยนอก ไม่เกี่ยวกับบริษัท ป้าไม่รู้กฎหมาย ป้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ฝ่ายยุคคลจ่ายค่าช่วยเหลือมาประมาณ 1 เดือน 8,000 บาทเท่านั้น

ขณะนี้การรักษาของลูกสาวป้าใช้สิทธิประกันสังคม มาตรา 39 โดยที่ป้าไม่เข้าใจว่าลูกสาวถูกนายจ้างให้ออกจากงานแล้ว โดยได้รับเงินจากประกันสังคม เดือนละ 2,400 บาท ป้าไม่มีรายได้จากที่ไหน เพราะต้องดูแล ไปไหนไกลๆไม่ได้เป็นห่วง เพราะลูกสาวป้าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ต้องให้อาหารทางสายยาง อาหารที่ให้ต้องบดให้ละเอียดก่อน

ส่วนสำนักงานประกันสังคมไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับนายจ้าง ถึงการเจ็บป่วยของลูกสาวป้า และสิทธิการรักษาพยาบาลทำไมต้องระบุโรงพยาบาลและต้องใช้สิทธิตามบัตรประกันสังคมทั้งที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อสิทธิในการรักษาตัวเอง ป้ากล่าว 

นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวอยุธยา รายงาน