สรุปมีผู้เสียชีวิต10รายเหตุเพลิงไหม้โรงงานปิโตรเคมีฯ “ยิ่งลักษณ์”รุดเยี่ยม นิคมมาบตาพุดเปิดทำงานปกติ

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข สรุปเหตุเพลิงไหม้จากถังเคมีขนาดใหญ่ ใน บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (บีทีเอส) ผู้ผลิตยางสงเคราะห์ประเภทโพลีบิวตาไดอีน ที่ใช้ในการผลิตยางรถยนต์ ยางชิ้นส่วนยานยนต์ พื้นรองเท้าพลาสติก ถุงมือยาง และอุปกรณ์กีฬา ระเบิด วานนี้ (5 พ.ค.)ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10 ราย โดยทั้งหมดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 7 ศพ และเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ระยอง 1 ศพ รพ.กรุงเทพระยอง 2 ศพ โดยผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอยู่ที่จุดเกิดเหตุซ่อมถัง ถูกแรงระเบิดกระแทก และถูกไฟไหม้ สูดสารเคมีเข้าไปด้วย ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งสิ้น 120 คน ในจำนวนนี้ ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ. 15 คน แต่ทั้งหมดน่าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว  
 
เวลา 09.30 น. วันที่6 พ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากกองบินตำรวจท่าแล้ง รามอินทรา ไปยัง จ.ระยอง เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว รวมทั้งจะเข้าร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อตรวจตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของสารเคมีเอาไว้ได้บางส่วนแล้วแต่ไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเฉียบพลันแล้วแต่อาจอยู่ในระดับที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองดวงตาและ ผิวหนังบ้างสำหรับบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (บีทีเอส)ยังคงปิดและกันให้เป็นพื้นที่อันตรายอยู่ ส่วนบริษัทอื่นในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ยังสามารถเปิดทำงานได้อยู่
 
ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานปิโตรเคมีกรุงเทพซินธิติกส์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต จังหวัดระยองและเกิดเสียงคล้ายระเบิดดังตามมาคาดว่าเป็นถังแก๊สเมื่อเวลา15.45น.วันที่ 5 พ.ค. เจ้าหน้าที่เร่งอพยพคนงานหนีตาย ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว โดยโรงงานแห่งอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง 
 
ล่าสุด เวลา 20.30น. นายแพทย์ สุรพล  มาลีหวล ผอ.รพ.มาบตาพุด เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุรวม 3 ราย และที่รพ.ระยอง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายชัยโย  อักษรศรี อายุ 30 ปี รวมมีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย
 
เบื้องต้นคาดว่า เหตุระเบิดและเพลิงไหม้ดังกล่าวน่าจะเกิดจากถังเคมีขนาดใหญ่จำนวนหลายถังของโรงงาน บ.กรุงเทพ ซินธิติกส์ (BST)ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะระดมรถดับเพลิงภายในนิคมอุตสาหกรรมหลาย 10 คัน พร้อมรถกู้ภัยภายในนิคมเข้าไปดับเพลิง และอพยพคนงานทั้งหมดออกจากนิคมฯ ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 47 ราย อาการสาหัส 7 ราย 
 
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการ จ.ระยอง เปิดเผยว่า ได้มีประกาศใช้แผนฉุกเฉินและสั่งอพยพคนงานออกจากพื้นที่แล้ว โดยกลิ่นสารเคมีได้กระจายและมีลมพัดไปจนถึงตลาดสดมาบตาพุด
 
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ชุมชนรอบนิคมฯ มาบตาพุดจำนวน 10 ชุมชน อพยพออกนอกพื้นที่มาฝั่งพัทยา ซึ่งอยู่เหนือทิศทางลม มากกว่านั้น ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ โดยเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม จุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน พอสมควร แต่กลุ่มควันมีจำนวนมากและส่งกลิ่นเหม็น น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง 
 
เวลา 15.40 น. วันเดียวกันพ.ต.ท.วิทยา คุ้มวงษ์ สารวัตรเวร สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับรายงานว่าโรงงานที่เกิดเหตุระเบิดอยู่ในบริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ (BST) ถนนไอ 8 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมแจ้งรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองมาบตาพุด รถดับเพลิงโรงงานใกล้เคียง พร้อมรถดับเพลิงบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) กว่า 10 คัน รุดไปดับเพลิงแล้ว 
 
ขณะเดียวกันในที่เกิดเหตุพนักงานบริษัท ฯ ดังกล่าวรีบหนีออกมารอยู่ด้านโรงงานจำนวนมาก ท่ามกลางเสียงระเบิดดังเป็นระยะ กลุ่มควันดำลอยจับฟ้าในระยะไกล เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯจำนวนหลายคันมาจอดคอยอยู่หน้าประตู ซี่งทางโรงงานไม่อนุญาตให้เข้าไปในโรงงาน ทางโรงงานได้ประสานเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลระยอง โรงพยาบาลมงกุฎและโรงพยาบาลมาบตาพุด เข้าไปนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลบรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล ท่ามกลางชาวบ้านที่อยู่รอบบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตื่นตระหนกรีบอพยพออกไปอยู่ชายทะเล ส่วนชาวบ้านบริเวณหาดน้ำริน อพยพไปอยู่สำนักงานเทศบาลต.บ้านฉาง 
 
น.ส.เกศรินทร์ รักษาสังข์ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมบริษัทฯ กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุโรงงานอยู่ระหว่างชัตดาวน์ซ่อมบำรุงเครื่องจักร และเกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุเกิดจากสารโทลูอีนซึ่งเป็นสารไวไฟไปโดนความร้อน ทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น 
 
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง หลังได้รับรายงานเดินทางไปที่สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยให้เจ้าหน้าที่โรงงานเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สื่อมวลชนทราบ เหตุเกิดที่ฝ่ายผลิตยางบีอาร์ที่หน่วยผลิต บีเอสที อิลาศโตเมอร์ส จำกัด ติดกับ กรุงเทพซินธิติกส์อยู่ภายในโรงงานติดกัน ขณะทำความสะอาดถังและกำลังใส่สารโทลูอีน ได้เกิดระเบิดขึ้นและไฟลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตขณะนี้สามารถควบคุมพื้นที่ไม่ให้ลุกลามได้แต่ยังไม่สามารถดับไฟได้ 
 
นายเสนีย์ ผวจ.ระยองกล่าวเสริมว่าให้ทางโรงงานส่งเจ้าหน้าที่ออกไปประชาสัมพันธ์ชาวบ้านที่อยู่รอบโรงงานประสานหน่วยแพทย์โรงพยาบาลเทศบาลฯจัดหน่วยแพทย์เข้าไปดูแลชาวบ้านเพื่อให้ชาวบ้านได้เกิดความอบอุ่นใจก่อนในเบื้องต้น เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสกว่า 30 ราย ขณะนี้นอนรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลมาบตาพุด โรงพยาบาลระยอง และโรงพยาบาลมงกุฎระยอง
 
ด้านนายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดจากโรงงานบริษัทกรุงเทพ ซินธิติกส์ ที่อยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุงประจำปีเกิดระเบิดขึ้น สามารถควบคุมเพลิงได้ระดับหนึ่งให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ให้ลุกลาม เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน เป็นคนงานของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่เข้าไปซ่อมบำรุงโรงงาน โดยนำส่งโรงพยาบาลแล้วทั้งหมด
 
ทั้งนี้ กนอ.ตรวจสอบแล้วว่ามีสารเคมีรั่วไหลในพื้นที่ แต่ไม่ใช่กลุ่มสารพิษฉับพลัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง โดยสั่งให้อพยพประชาชน 3 ชุมชนในพื้นที่ใต้ลมออกจากพื้นที่ไปยังจุดรวมพลของชุมชนที่กำหนดไว้แล้ว
 
นายวีรพงศ์กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้เป็นผู้ผลิตสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยางสังเคราะห์ก่อนเกิดเพลิงไหม้ไม่ได้มีการเดินเครื่องผลิตเนื่องจากอยู่ในช่วงการปิดซ่อมบำรุงดังนั้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจึงเป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่
 
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์สวัสดิวัตน์รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่าระหว่างเกิดเหตุโรงงานปิดทำการ ไม่มีการเดินเครื่องจักร จึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากสารไวไฟค้างอยู่ในท่อ และเจ้าหน้าที่ที่เข้าซ่อมบำรุงอาจปฏิบัติงานผิดขั้นตอนทำให้เกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ในจ.ระยอง มีฝนตกหนัก ทำให้สามารถควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปจุดอื่นได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งอพยพประชาชนในชุมชนที่อยู่ใต้ลม เช่น ชุมชนมาบตาพุด และชุมชนซอยประปา และใช้ระบบเสียงตามสายแจ้งเตือนให้อพยพ ส่วนวงเงินความเสียหายยังประเมินไม่ได้
 
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข สรุปเหตุเพลิงไหม้จากถังเคมีขนาดใหญ่ ใน บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (บีทีเอส) ผู้ผลิตยางสงเคราะห์ประเภทโพลีบิวตาไดอีน ที่ใช้ในการผลิตยางรถยนต์ ยางชิ้นส่วนยานยนต์ พื้นรองเท้าพลาสติก ถุงมือยาง และอุปกรณ์กีฬา ระเบิด วานนี้ (5 พ.ค.)ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10 ราย โดยทั้งหมดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 7 ศพ และเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ระยอง 1 ศพ รพ.กรุงเทพระยอง 2 ศพ โดยผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอยู่ที่จุดเกิดเหตุซ่อมถัง ถูกแรงระเบิดกระแทก และถูกไฟไหม้ สูดสารเคมีเข้าไปด้วย ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งสิ้น 120 คน ในจำนวนนี้ ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ. 15 คน แต่ทั้งหมดน่าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว  
 
เวลา 09.30 น. วันที่6 พ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากกองบินตำรวจท่าแล้ง รามอินทรา ไปยัง จ.ระยอง เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว รวมทั้งจะเข้าร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อตรวจตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการรั่วไหลของสารเคมีเอาไว้ได้บางส่วนแล้วแต่ไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเฉียบพลันแล้วแต่อาจอยู่ในระดับที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองดวงตาและ ผิวหนังบ้างสำหรับบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (บีทีเอส)ยังคงปิดและกันให้เป็นพื้นที่อันตรายอยู่ ส่วนบริษัทอื่นในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ยังสามารถเปิดทำงานได้อยู่
 
ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานปิโตรเคมีกรุงเทพซินธิติกส์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต จังหวัดระยองและเกิดเสียงคล้ายระเบิดดังตามมาคาดว่าเป็นถังแก๊สเมื่อเวลา15.45น.วันที่ 5 พ.ค. เจ้าหน้าที่เร่งอพยพคนงานหนีตาย ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว โดยโรงงานแห่งอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง 
 
ล่าสุด เวลา 20.30น. นายแพทย์ สุรพล  มาลีหวล ผอ.รพ.มาบตาพุด เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุรวม 3 ราย และที่รพ.ระยอง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายชัยโย  อักษรศรี อายุ 30 ปี รวมมีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย
 
เบื้องต้นคาดว่า เหตุระเบิดและเพลิงไหม้ดังกล่าวน่าจะเกิดจากถังเคมีขนาดใหญ่จำนวนหลายถังของโรงงาน บ.กรุงเทพ ซินธิติกส์ (BST)ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะระดมรถดับเพลิงภายในนิคมอุตสาหกรรมหลาย 10 คัน พร้อมรถกู้ภัยภายในนิคมเข้าไปดับเพลิง และอพยพคนงานทั้งหมดออกจากนิคมฯ ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 47 ราย อาการสาหัส 7 ราย 
 
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการ จ.ระยอง เปิดเผยว่า ได้มีประกาศใช้แผนฉุกเฉินและสั่งอพยพคนงานออกจากพื้นที่แล้ว โดยกลิ่นสารเคมีได้กระจายและมีลมพัดไปจนถึงตลาดสดมาบตาพุด
 
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ชุมชนรอบนิคมฯ มาบตาพุดจำนวน 10 ชุมชน อพยพออกนอกพื้นที่มาฝั่งพัทยา ซึ่งอยู่เหนือทิศทางลม มากกว่านั้น ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ โดยเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม จุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน พอสมควร แต่กลุ่มควันมีจำนวนมากและส่งกลิ่นเหม็น น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง 
 
เวลา 15.40 น. วันเดียวกันพ.ต.ท.วิทยา คุ้มวงษ์ สารวัตรเวร สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับรายงานว่าโรงงานที่เกิดเหตุระเบิดอยู่ในบริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ (BST) ถนนไอ 8 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมแจ้งรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองมาบตาพุด รถดับเพลิงโรงงานใกล้เคียง พร้อมรถดับเพลิงบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) กว่า 10 คัน รุดไปดับเพลิงแล้ว 
 
ขณะเดียวกันในที่เกิดเหตุพนักงานบริษัท ฯ ดังกล่าวรีบหนีออกมารอยู่ด้านโรงงานจำนวนมาก ท่ามกลางเสียงระเบิดดังเป็นระยะ กลุ่มควันดำลอยจับฟ้าในระยะไกล เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯจำนวนหลายคันมาจอดคอยอยู่หน้าประตู ซี่งทางโรงงานไม่อนุญาตให้เข้าไปในโรงงาน ทางโรงงานได้ประสานเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลระยอง โรงพยาบาลมงกุฎและโรงพยาบาลมาบตาพุด เข้าไปนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลบรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล ท่ามกลางชาวบ้านที่อยู่รอบบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตื่นตระหนกรีบอพยพออกไปอยู่ชายทะเล ส่วนชาวบ้านบริเวณหาดน้ำริน อพยพไปอยู่สำนักงานเทศบาลต.บ้านฉาง 
 
น.ส.เกศรินทร์ รักษาสังข์ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมบริษัทฯ กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุโรงงานอยู่ระหว่างชัตดาวน์ซ่อมบำรุงเครื่องจักร และเกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุเกิดจากสารโทลูอีนซึ่งเป็นสารไวไฟไปโดนความร้อน ทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น 
 
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ระยอง หลังได้รับรายงานเดินทางไปที่สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยให้เจ้าหน้าที่โรงงานเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สื่อมวลชนทราบ เหตุเกิดที่ฝ่ายผลิตยางบีอาร์ที่หน่วยผลิต บีเอสที อิลาศโตเมอร์ส จำกัด ติดกับ กรุงเทพซินธิติกส์อยู่ภายในโรงงานติดกัน ขณะทำความสะอาดถังและกำลังใส่สารโทลูอีน ได้เกิดระเบิดขึ้นและไฟลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตขณะนี้สามารถควบคุมพื้นที่ไม่ให้ลุกลามได้แต่ยังไม่สามารถดับไฟได้ 
 
นายเสนีย์ ผวจ.ระยองกล่าวเสริมว่าให้ทางโรงงานส่งเจ้าหน้าที่ออกไปประชาสัมพันธ์ชาวบ้านที่อยู่รอบโรงงานประสานหน่วยแพทย์โรงพยาบาลเทศบาลฯจัดหน่วยแพทย์เข้าไปดูแลชาวบ้านเพื่อให้ชาวบ้านได้เกิดความอบอุ่นใจก่อนในเบื้องต้น เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสกว่า 30 ราย ขณะนี้นอนรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลมาบตาพุด โรงพยาบาลระยอง และโรงพยาบาลมงกุฎระยอง
 
ด้านนายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดจากโรงงานบริษัทกรุงเทพ ซินธิติกส์ ที่อยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุงประจำปีเกิดระเบิดขึ้น สามารถควบคุมเพลิงได้ระดับหนึ่งให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ให้ลุกลาม เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน เป็นคนงานของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่เข้าไปซ่อมบำรุงโรงงาน โดยนำส่งโรงพยาบาลแล้วทั้งหมด
 
ทั้งนี้ กนอ.ตรวจสอบแล้วว่ามีสารเคมีรั่วไหลในพื้นที่ แต่ไม่ใช่กลุ่มสารพิษฉับพลัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง โดยสั่งให้อพยพประชาชน 3 ชุมชนในพื้นที่ใต้ลมออกจากพื้นที่ไปยังจุดรวมพลของชุมชนที่กำหนดไว้แล้ว
 
นายวีรพงศ์กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้เป็นผู้ผลิตสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยางสังเคราะห์ก่อนเกิดเพลิงไหม้ไม่ได้มีการเดินเครื่องผลิตเนื่องจากอยู่ในช่วงการปิดซ่อมบำรุงดังนั้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจึงเป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่
 
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์สวัสดิวัตน์รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่าระหว่างเกิดเหตุโรงงานปิดทำการ ไม่มีการเดินเครื่องจักร จึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากสารไวไฟค้างอยู่ในท่อ และเจ้าหน้าที่ที่เข้าซ่อมบำรุงอาจปฏิบัติงานผิดขั้นตอนทำให้เกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ในจ.ระยอง มีฝนตกหนัก ทำให้สามารถควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปจุดอื่นได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งอพยพประชาชนในชุมชนที่อยู่ใต้ลม เช่น ชุมชนมาบตาพุด และชุมชนซอยประปา และใช้ระบบเสียงตามสายแจ้งเตือนให้อพยพ ส่วนวงเงินความเสียหายยังประเมินไม่ได้
นำเสนอที่ ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์ /วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 
/////////////////////////////////////