สยท.จัดประชุมใหญ่ครั้งที่16 พร้อมจัดเวทีถกสถานการณ์ยานยนต์ในประเทศไทย

Untitled-1

ค่าแรงถูก กฎหมายเอื้อแรงดึงดูดนักลงทุน ชี้อินโดฯยังอีกไกลแต่ไทยต้องปรับตัว

เมื่อวันที่ 28 มีนาคมทางสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่16/2556ณ ศูนย์ฝึกอบรมการไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเทริงเทราโดยในช่วงเช้าระหว่างเวลา10.30น.ถึง12.00น.ได้มีการจัดเวทีเสวนา เรื่อง “ยานยนต์ผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน ปัจจัยเสี่ยงด้านแรงงานงานมีผลหรือไม่”โดยมีวิทยากรจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา(ITD) นักวิชาการด้านแรงงานและวิทยากรสถาบันยานยนต์

เวลา09.30น.นายลาเร่ อยู่เป็นสุข รองประธานฝ่ายวิชาการสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยได้กล่าวเปิดเวทีเสวนาว่าต้องการให้อาหารสมองแก่ผู้เข้าร่วมทุกคนขอให้เก็บเกี่ยวความรู้ไปให้ได้มากที่สุดจากนั้นเวลาประมาณ10.00น.จึงได้เริ่มเวทีเสวนามีคุณรัชนิดา นิติพัฒนาภิรักษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจสถาบันยานยนต์และอ.วิมล ปั้นคงหัวหน้าส่วนงานวิจัยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา(ITD)โดยมีรศ.แล ดิลกวิทยรัตน์จากจุฬาลงกรมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินรายการ

คุณรัชนิดาได้ประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันว่าถ้าเปรียบเทียบในช่วงสองเดือนแรกของปี56กับปี57จะเห็นชัดว่ายอดจำหน่ายในปี57ลดลงจากทั้งสถานการณ์ทางการเมืองนโยบายรถคันแรกและอัตรารายได้ประชาชาติลดลง ทำให้กำลังซื้อลดลง แต่ตลาดภายนอกมีปัจจัยที่เป็นบวกคือหลายประเทศเศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นทำให้คาดการว่าทั้งปีไม่น่าจะต่ำกว่าปี56และญี่ปุ่นที่มีปัญหากับจีนและกำลังจะย้ายฐานการผลิตซึ่งน่าจะเป็นประเทศไทย ส่วนการเข้าสู่ประชาคมอาเชี่ยนถือเป็นโอกาสที่ดีของไทยเพราะประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมมาก่อนแรงงานมีฝีมือและจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน ส่วนทิศทางการพัฒนาบริษัทรถยนต์จะเข้มงวดเรื่องมาตรฐานสินค้ามากขึ้นเพิ่มมาตรฐานด้านระบบความปลอดภัยและการลดผลกระทบด้านมลพิษ

ด้านอ.วิมลได้ประเมินสถานการณ์ในอนาคตว่าประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้านมีการกระจายตลาดส่งออกได้ดีจึงไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งยังเติบโตได้อีกส่วนประเทศอินโดนีเซียแม้เป็นประเทศที่น่าจับตาว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิตเพราะอัตรากำลังซื้อภายในประเทศคอนข้างดีแต่ก็ยังอีกนานด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งกฎหมายที่ปกป้องคนงานได้ดีเช่นพนักงานซับคอนแทรคที่ทำงานได้3ปีจะต้องให้เป็นพนักงานประจำทันทีและประเทศนี้ค่อนข้างดูแลคนงานดีมีค่าตอบแทนที่สูงจึงเป็นปัญหาต่อนักลงทุนเหมือนกันในขณะที่ประเทศไทยอัตราค่าจ้างมีการปรับตัวน้อยกว่าและประสิทธิภาพการผลิตคนงานไทยยังดีกว่าอีกหลายประเทศในอาเชี่ยนในขณะที่แนวโน้มตลาดก็กำลังหันมาที่อาเชี่ยน แต่ก็ประมาทไม่ได้ไทยต้องพัฒนาและปรับตัวอยากฝากเรื่องการพัฒนาบุคลากรเช่นในด้านไอทีและด้านภาษาแล้วการเข้าสู่ประชาคมอาเชี่ยนก็จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย

ด้านรศ.แล ได้ให้ความเห็นว่ารัฐไทยยังคงเน้นนโยบายค่าแรงราคาถูกเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เอาเปรียบคนงานสรุปก็คือประเทศไทยยังคงน่าลงทุนสำหรับนักลงทุนเพราะเอื้อต่อการเอาเปรียบขูดรีดคนงานกฎหมายที่มีช่องว่างนโยบายที่เปิดโอกาสให้มีการจ้างงานแบบเอาเปรียบเช่นการจ้างงานพนักงานเหมาค่าแรงแม้ศาลจะเคยตัดสินให้ลูกจ้างชนะแต่ก็ยังไม่มีคำพิพากษาศาลแรงงานที่จะเป็นบรรทัดฐานเลย ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายที่คุ้มครองพนักงานเหมาค่าแรงในขณะเดียวกันก็มีมาตรการที่จะไม่ให้พนักงานเหมาค่าแรงมาแย่งงานพนักงานประจำ คงเป็นโจทย์ที่ขบวนการแรงงานต้องไปขบคิดและมองในภาพรวมมากขึ้น

จากนั้นนายวิสุทธิ เรืองฤทธิ์ ประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยได้กล่าวขอบคุณวิทยากรทั้งสามท่านพร้อมทั้งตั้งคำถามต่อผู้ร่วมเสวนาว่าเกิดอะไรขึ้นปี2554เกิดน้ำท่วมใหญ่แต่ผลตอบแทนที่ลูกจ้างเรียกร้องกับมากกว่าปี2556ที่มีการอ้างเรื่องนโยบายรถคันแรกที่ประสบปัญหาแต่ยอดการผลิตไม่ได้ลดลงเลยกลับได้ผลตอบแทนที่น้อยลง น่าจะเป็นปัญหาเรื่องข้อมูลที่ลูกจ้างยังมีไม่เพียงพอ เราคงต้องช่วยกันค้นคิดอาวุธใหม่มาต่อรองกับนายจ้างต่อไป

จากนั้นเวลา13.00น.ได้เข้าสู่การประชุมใหญ่สามัญครั้งที่16/2556โดยมีวาระในการประชุมดังนี้

วาระที่1กล่าวเปิดประชุมโดยนายวิสุทธิ เรืองฤทธิ์ ประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย
วาระที่2เชิญแขกรับเชิญกล่าวเป็นเกียรติ
วาระที่3รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่25/2555
วาระที่4รายงานการเงินพร้อมขอมติรับรองงบดุลปี2556
วาระที่5ขอมติแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีประจำปี2557
วาระที่6รายงานกิจกรรมต่างๆในรอบปีที่ผ่านมา
วาระที่7ขอมติให้สหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยดำเนินการแทนสมาชิกตามมาตรา103(2)

นักสื่อสารแรงงานกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก รายงาน