วันกรรมกรสากลแรงงานไทย 2 ขบวนยื่นข้อเรียกร้อง 22 ข้อ

แรงงานไทยจัดเดินรณรงค์เฉลิมฉลองวันกรรมกรสากล โดยยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาด้านสิทธิ สวัสดิการแรงงาน และค่าจ้างขั้นต่ำ 492 บาทให้เท่ากันทั้งประเทศ

            วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 คณะจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ 15 สภาองค์การลูกจ้างร่วมกับ 1 สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศ นำโดยนายสุชาติ ไทยล้วน ประธานคณะจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ได้เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี จำนวน 8 ข้อ ประกอบด้วย

            1.ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในสมาคมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยเรื่องสิทธิในการรวมตัวและเจรจาต่อรอง

            2.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำร่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ….ฉบับแก้ไขเข้าสู่รัฐสภาเร่งด่วน

            3.ขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้าย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน

            4.ให้รัฐบาลเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 อาทิ หามาตรการให้สถานประกอบการที่รับเหมาช่วงปฎิบัติตามกฏหมาย

            5.ปฎิรูปแก้ไขประกันสังคม อาทิ ปรับฐานการรับเงินบำนาญ ขยายอายุผู้ประกันตนจาก 15-60 ปีเป็น 15-70 ปี

            6.เร่งออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ

            7.จัดระบบกองทุนสวัสดิการเพื่อเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจให้เทียบเคียงกับระบบสวัสดิการภาคราชการ

            8.ให้แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้อง

            อีกขบวนคือคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ร่วมกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นำโดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคสรท. และนายมานพ เกื้อรัตน์ เลขาธิการสรส. เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มายังประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 14 ข้อดังนี้

            1. รัฐต้องกำหนดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรมให้ครอบคลุมผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วน

            1.1 รัฐต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 492 บาท เท่ากันทั้งประเทศ

            1.2กำหนดนิยามค่าจ้างขั้นต่ำแรกเข้าให้มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว 2 คน ตามหลักการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ และต้องเท่ากันทั้งประเทศ

            1.3กำหนดให้มีโครงสร้างค่าจ้างและมีการปรับค่าจ้างทุกปี

            2. รัฐต้องควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราคาน้ำมัน เพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมเศรษฐกิจฐานล่างในภาพรวมได้อย่างแท้จริง

            3. รัฐต้องหยุดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทุกรูปแบบ และให้มีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการที่ดี มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน

            3.1ยกเลิกนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการยกเลิกการออก ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. ยกเลิกการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership หรือ PPP) ให้มีการตรวจสอบและหยุดแปรรูปการบริหารจัดการน้ำให้เอกชน อาทิ การบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกรวมถึงโครงการ ปทุมธานี-รังสิต และอื่นๆ รวมถึงรัฐวิสาหกิจอื่น ซึ่งการบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ต้องให้รัฐดำเนินการตามหน้าที่ของรัฐที่กำหนดไว้ในมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและให้รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการตามภารกิจ

            3.2 จัดตั้งกองทุนพัฒนารัฐวิสาหกิจ

            3.3 ให้มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ

            4.รัฐต้องปรับปรุงโครงสร้างทางภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างเป็นธรรมให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน เพิ่มศักยภาพการจัดเก็บภาษีเพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณแผ่นดินในการพัฒนาประเทศยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนทุกมติทุกคนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมด้วยการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่ซ้ำซ้อน รวมถึงกำหนดการงดเก็บหรือเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้มีความเหมาะสม รวมถึงยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าอย่างจริงจัง การจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นในอัตราที่ไม่น้อยจนเกินไป ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

            5. รัฐต้องปฏิรูปการประกันสังคม ดังต่อไปนี้

            5.1 รัฐต้องตั้งโรงพยาบาลประกันสังคมให้กับผู้ประกันตน ตามสัดส่วนผู้ประกันตนแต่ละพื้นที่ พร้อมกับผลิตแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านอื่น ๆ ของสำนักงานประกันสังคมเอง

            5.2 สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสถาบันการเงินของผู้ใช้แรงงาน (ธนาคารแรงงาน)

            5.3 ปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานประกันสังคมให้เป็นอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบได้และให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วม

            5.4 การจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมต้องเป็นไปในสัดส่วนที่เท่ากันทั้ง รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตน รวมถึงให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบพร้อมดอกเบี้ยส่วนที่ค้างให้ครบ

            5.5 ดำเนินการบริหารจัดการ ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 และ มาตรา 33 ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน

            5.6 เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้รับเงินชราภาพเป็นอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเดือนสุดท้าย

            5.7 ขยายกรอบเวลาในการเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของกองทุนเงินทดแทนจนสิ้นสุดการรักษาตามคำวินิจฉัยของแพทย์

            6. รัฐต้องจัดสวัสดิการถ้วนหน้าที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ

            6.1ด้านสาธารณสุข ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและไม่มีค่าใช้จ่าย

            6.2 ด้านการศึกษา ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงการศึกษาในทุกระดับทั้งในระบบและการศึกษาทางเลือกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

            7. รัฐบาลต้องให้สัตยาบันอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)

            7.1 ฉบับที่ 87 ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน

            7.2 ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวและการเจรจาต่อรอง เพื่อสร้างหลักประกันในการรวมตัวและการเจรจาต่อรอง

            7.3 ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นมารดา

            7.4 ฉบับที่ 190 ว่าด้วยการขจัดความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกของการทำงาน

            8. รัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายการจำกัดอัตรากำลังบุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และยกเลิกนโยบายการลดสิทธิประโยชน์ สวัสดิการของพนักงานและครอบครัว

            9. รัฐต้องกำหนดให้ลูกจ้างภาครัฐในหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นรับค่าจ้างจาก

งบประมาณแผ่นดิน และต้องบรรจุเป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างประจำ

            10. รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีที่นายจ้างเลิกจ้างคนงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชย หรือจ่ายไม่ครบที่กฎหมายกำหนด เช่น การปิดกิจการ หรือ การยุบเลิกกิจการในทุก รูปแบบ (ตามรัฐธรรมธรรมนูญ หมวด 5 มาตรา 53)

            11. รัฐต้องจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการลงทุน โดยให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิของคนงาน เมื่อมีการเลิกจ้างหรือปิดกิจการ โดยนายจ้างไม่จ่าย ค่าชดเชย คนงานต้องได้สิทธิรับเงินจากกองทุนนี้ พร้อมทั้งการสนับสนุนค่าดำเนินการทางคดีระหว่างผู้ประกอบการกับคนงาน หรือ รัฐกับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย

            12. รัฐต้องพัฒนากลไกเข้าถึงสิทธิและการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน อย่างจริงจัง รัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณ ให้แก่สถาบันความปลอดภัยฯ ให้เพียงพอ สำหรับการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ และสร้างกลไก กติกา ภายใต้การมีส่วนร่วมของคนงานทุกภาคส่วน และ ยกเลิกการใช้แร่ใยหินทุกรูปแบบ

            13. รัฐต้องยกเลิกการจ้างงานที่ไม่มั่นคง เช่น การจ้างงานแบบชั่วคราว รายวัน รายชั่วโมง เหมาค่าแรงเหมางาน เหมาบริการ และการจ้างงานบางช่วงเวลา ทั้งภาครัฐและเอกชน

            14. ข้อเสนอเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ

            14.1 ขอให้รัฐบาลลดค่าใช้จ่ายในการทำเอกสารเหมือนที่เคยปฏิบัติมา คือ 500 บาท สามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทย (วีซ่า) ได้ 2 ปี

            14.2 รัฐบาลต้องกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นต่อบุคคล นิติบุคลและเจ้าหน้าที่รัฐ นายหน้า ไม่ให้หาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติ หากตรวจสอบพบต้องลงโทษอย่างรุนแรงเพราะเป็นการกระทำในลักษณะค้ามนุษย์รัฐต้องให้แรงงานข้ามชาติที่เป็นผู้ประกันตนเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยา

            14.3 รัฐบาลไทยต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติกรณีเงินเยียวยาแรงงาน กล่าวคือ รัฐบาลต้องกำหนดมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเท่าเทียมโดยปราศจากทัศนคติของการเลือกปฏิบัติที่มีต่อแรงงานข้ามชาติ จะต้องไม่ระบุคุณสมบัติเรื่องสัญชาติ และต้องได้รับการเยียวยาในฐานะลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานไม่ว่าจะอยู่ในระบบประกันสังคมหรือไม่ก็ตาม

            อีกกลุ่มคือเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และสหภาพคนทำงาน ได้เคลื่อนมาตามถนนพิษณุโลก และสิ้นสุดที่บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล โดยชูคำขวัญว่า “รัฐบาลไม่มีน้ำยาไม่เป็นไร เครือข่ายแรงงานแจกให้” พร้อมตั้งเวทีปราศรัยและมีการแสดงสัญลักษณ์โดยระบุว่า “ไม่มีความหวังอะไรกับรัฐบาลนี้” และประณามรัฐบาลที่ไร้น้ำยา ทั้งไม่สามารถทำตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ อย่างเช่นการปรับขึ้นค่าจ้าง 425 บาทเป็นต้น พร้อมช่วงเที้ยงได้มีการสาดน้ำยาตีนไก่ใส่ป้ายภาพของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะรัฐมนตรี(รมต.)ด้วย

            ทั้งนี้ ในส่วนของ 15 สภาองค์การลูกจ้าง และ 1 สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจไม่มีข้อเรียกร้องเรื่องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้กับแรงงานแต่อย่างใด

            ด้านนายสุชาติ ไทยล้วน ประธานจัดงานฯได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ว่า การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำที่ใช้ดัชนีผู้บริโภคเป็นหลักในการพิจารณานั้น ผิดมาตั้งแต่ต้นเพราะคนต่างจังหวัดและคนในเมืองต่างก็ซื้อข้าวของในราคาที่แตกต่างกัน คนต่างจังหวัดในหลายพื้นที่ต่างหากินเองได้ แต่การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำกลับใช้ดัชนีผู้บริโภคเหมือนๆกัน ขณะเดียวกันก็มีคณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้พิจารณาอยู่แล้ว ดังนั้นแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถสั่งการให้ปรับค่าจ้างได้ จึงต้องรอการพิจารณาของไตรภาคีค่าจ้าง หากถามว่าควรปรับขึ้นหรือไม่ คิดว่า ควรปรับแน่นอน แต่ปีนี้อาจช้าเพราะอนุกรรมการระดับจังหวัดยังไม่ได้รายงานให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งอย่างน้อยอีก 3-4 เดือนจึงจะได้คำตอบ และการปรับค่าจ้างเป็นวันละ 400 กว่าบาทนั้นเป็นไปไม่ได้ เอาให้เพิ่มขึ้นแค่ 10 บาทก็บุญแล้ว ความเป็นจริงคนละเรื่องกัน หากขึ้นพรวดพราดขนานนั้นนายจ้างเขาก็อยู่ไม่ได้

            นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคสรท. กล่าวว่า ข้อเสนอการปรับขึ้นค่าจ้าง 492 บาทนั้นมาจากการสำรวจข้อมูลตั้งแต่ปี 2560 สำรวจ 3,000 ชุดจากผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศซึ่งตอนนั้นค่าครองชีพตกอยู่ที่เดือนละ 14,000 กว่าบาท และเมื่อคำนวนออกมาตกอยู่ที่วันละ 492 บาท ซึ่งก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว ซึ่งหากต้องเลี้ยงดูครอบครับก็ตกอยู่ที่วันละ 712 บาท ซึ่งได้มีการเรียกร้อให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาทุกปีจนวันนี้ค่าครองชีพปรับสูงขึ้นกว่าปี 2560 แล้วแน่นอน เราเข้าใจว่าตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในสถานะยากลำบากจากการระบาดของโควิด-19 แต่ว่าการปรับขึ้นค่าจ้างมีความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงานในการดำรงชีวิต และสภาพปัญหาความเดือดร้อนที่เท่ากัน สินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูง วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับราคาขึ้น มาม่าประกาศปรับราคา พร้อมกับสินค้าอื่นๆก็ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน เราจึงเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 492 บาทเท่ากันทั้งประเทศ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลจะมีการปรับขึ้นโดยเร็ววันนี้

            จากนั้นในกลุ่มนี้ได้แสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อบอกรัฐบาลนี้นายกรัฐมนตรีที่อยู่มานานนับ 8 ปี แต่ว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาประชาชนผู้ใช้แรงงานได้ จึงช่วยกันฉีดวัดซีนที่รูปก้นจำลองของนายกรัฐมนตรีถึกง 3 เข็ม จากนั้นได้มีการยื่นข้อเรียกร้องกับผู้แทนรัฐบาลที่ออกมารับหนังสือในครั้งนี้ด้วย

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน