ลูกจ้างบ.อิงเกรส ร้องนายจ้างเลิกจ้าง

กลุ่มคนงานบริษัทอิงเกรส 26 คน ร้องยังไม่จบ หลังนายจ้างหนีน้ำสั่งย้ายไปทำงานที่ระยองแต่ไม่ไปตามคำสั่งเนื่องไม่พร้อม แถมถูกลดสวัสดิการ  ล่าสุดเดือดร้อนนายจ้างติดประกาศไม่มีชื่อพวกตน -ห้ามไม่ให้เข้าโรงงาน อ้างขาดงานเกิน 3 วันเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย รอความเป็นธรรมศาลไกล่เกลี่ยเดือนสิงหาคม 55นี้
 
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 กลุ่มตัวแทนลูกจ้างบริษัทอิงเกรสได้เข้ามาขอรับ คำปรึกษาและตรวจสอบความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือกับทางศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟู   สิทธิด้านแรงงาน  หลังจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มตัวแทนลูกจ้างบริษัทดังกล่าว ได้เข้ามาขอรับคำปรึกษา ในกรณีที่มีสมาชิกแรงงานจำนวน 26 คน ถูกประกาศ รายชื่อห้ามเข้าบริษัท ซึ่งทางลูกจ้างเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม จึงได้รวมตัวกันเพื่อไปร้องเรียนที่สำนักสวัสดิการฯ และเข้ามาขอรับความช่วยเหลือจากทางศูนย์ช่วยเหลือฯในเวลาต่อมา
 
ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าว ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมา เนื่องจาก ทางบริษัทมีความต้องการที่จะย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ระยอง โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทำให้เครื่องจักรได้รับความเสียหายและไม่สามารถทำการผลิตได้ประกอบกับ ทางบริษัทมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตและโอนย้ายพนักงานไปทำงานที่ระยองเป็นการชั่วคราว ส่วนลูกจ้างที่ไม่สามารถไปทำงานที่ระยองได้ ทางบริษัทก็จะจัดหางานให้ โดยยืนยันว่าไม่มีนโยบายเลิกจ้างแต่อย่างใด
 
หลังจากที่ลูกจ้างมีความเห็นเรื่องการไปทำงานที่จังหวัดระยองว่าเป็นการย้ายสถานประกอบกิจการตามมาตรา 120  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เพราะเห็นว่านายจ้างย้ายลูกจ้างไปที่จังหวัดระยองทั้งหมดพร้อมกับย้ายเครื่องจักรไปด้วย และที่อยุธยาก็ไม่ได้เปิดการผลิตเป็นเพียงโกดังเก็บของ แต่ทางฝ่ายนายจ้างได้ชี้แจงว่าตนยังไม่ได้ปิดกิจการที่อยุธยาและได้ย้ายฐานการผลิตมาที่ระยองเพียงชั่วคราวเท่านั้น ประกอบกับทางพนักงานประนอมฯได้พิจารณาและชี้แจ้งเห็นแล้วว่า การย้ายสถานประกอบการดังกล่าวเป็นการย้ายชั่วคราวและไม่ได้ปิดกิจการที่อยุธยา จึงเห็นว่าไม่สอดคล้องกับการย้ายกิจการตามมาตรา 120  แต่ถ้าหากลูกจ้างมีความประสงค์จะใช้สิทธิยื่นคำร้องให้พนักงานตรวจแรงงานวินิจฉัยตามมาตรา 120 ก็สามารถยื่นข้อเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ได้ โดยทั้งสองฝ่ายจึงไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงมีการนัดเจรจาต่อไปในวันที่ 25 พฤษภาคม 2555
 
แต่ในขณะที่การเจรจาครั้งต่อไปยังไม่เริ่มขึ้น ทางบริษัทก็ได้มีการติดประกาศ เรื่องการโอนย้ายพนักงาน ในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยเปิดการผลิตที่เดียวคือที่ระยองจึงจำเป็นต้องโอนย้ายพนักงานไปทำงานที่ระยองทั้งหมด และให้พนักงานไปรายงานตัวกับบริษัทที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ในวันที่ 16 พฤษภาคม และยืนยันว่าการโอนย้ายดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อตำแหน่ง เงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ แต่ทว่าในประกาศดังกล่าว ยังได้มีรายชื่อลูกจ้างทั้ง 26 คน ที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าบริษัท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลูกจ้างที่ไม่สามารถไปทำงานที่ระยองได้ และส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการและสมาชิกสหภาพแรงงาน  เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ลูกจ้างไม่พอใจและเข้ามาขอรับคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูด้านสิทธิแรงงานฯเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและเพื่อนร่วมงาน
 
นาย ชาญศิลป์  ทรัพย์โนนหวาย ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูด้านสิทธิแรงงานพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงให้ลูกจ้างทั้งหมดไปลงชื่อเข้าทำงานที่สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นยันว่าลูกจ้างไม่ได้ขาดงาน
 
แต่นายจ้างได้เลิกจ้างพนักงานทั้งหมดโดยอ้างว่าลูกจ้างขาดงานเกิน 3 วันโดยไม่จ่ายค่าชดเชย   ลูกจ้างทั้งหมดจึงได้เข้ามาปรึกษาศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูด้านสิทธิแรงงานพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในการยื่นฟ้องบริษัทอิงเกรสที่เลิกจ้างลูกจ้าง ซึ่งจะนัดครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2555
จำลอง ชะบำรุง นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์พื้นที่อยุธยา รายงาน