ร่วมแบนพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต

ภาพจากtoday.line.me

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะกรรมการวัตถุอันตราย
แบนพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตภายในธันวาคม 2562

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ออกแถลงการ เรื่อง เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะกรรมการวัตถุอันตราย
แบนพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตภายในธันวาคม 2562 โดยมีเนื้อหาดังนี้

จากภาวะความรุนแรงจากความเจ็บป่วยจากสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารที่พยายามเร่งการผลิตเพื่อสนองตอบต่อผู้บริโภคอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมอาหารกำลังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของผู้บริโภคและผู้ผลิต จากการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ที่เป็นปัจจัยหลักในการทำการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวในปริมาณมาก ทำให้เกิดการตกค้างได้ในพื้นดิน สิ่งแวดล้อม อาหาร น้ำอุปโภค บริโภค หรือแม้แต่ในร่างกายของคนและถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมจากแม่สู่ลูกได้ เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนได้รณรงค์เรียกร้องต่อรัฐบาลหลายสมัยทั้งการจัดงานทางวิชาการชี้ให้เห็นความร้ายแรงและผลกระทบ การเดินรณรงค์ ชุมนุมประท้วง ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนถึงรัฐบาลปัจจุบันคณะทำงาน 4 ฝ่ายที่ถูกแต่งตั้งขึ้นตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ในฐานะผู้แทนภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนผู้นำเข้า ผู้แทนเกษตรกร และผู้แทนผู้บริโภคที่ได้ประชุมแสดงความคิดเห็นและมีมติเอกฉันท์ 9 : 0 ให้ปรับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต จากวัตถุอันตรายที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562

ภาพจากสำนักข่าวไทย

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)จึงขอเรียกร้องต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะมีการประชุมในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล เคารพในการตัดสินใจของผู้แทน 4 ฝ่าย และได้ตระหนักถึงอันตราย ภัยพิบัติการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดขึ้นจากสารเคมีทั้ง 3 ชนิด จึงขอให้ยกเลิกพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตในประเทศไทยโดยเร่งด่วนที่สุด เพราะไม่มีเหตุผลอันใดที่ปฏิเสธหรือกล่าวอ้าง ทั้งงานวิจัย รวมทั้งประเทศต่างๆเกือบทั่วทั้งโลกชี้ให้เห็นถึงอันตรายร้ายแรงจากสารเคมีทั้ง 3 ชนิดต่างประกาศยกเลิกและห้ามใช้
และขอให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์แห่งชาติให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน เกษตรกรรมยั่งยืน รวมถึงการให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ภาครัฐจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจในกลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคให้มากขึ้น ถึงปัญหาและผลกระทบจากการใช้สารเคมีอันตราย 3 ชนิด สนับสนุนให้เกษตรกรทำเกษตรผสมผสาน เกษตรกรรมเชิงนิเวศที่มีการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมปรับตัวไปสู่การปลูกพืชที่ไม่ต้องพึ่งพาสารพิษร้ายแรง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเกษตรกรที่มุ่งเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงซึ่งจะเกิดผลดีต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค ทั้งเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั้งในวันนี้และอนาคตของประชาชนและลูกหลานของเราที่จะเติบโตขึ้นมาจากการบริโภคอาหารและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)ขอขอบคุณและส่งพลังใจให้แก่บุคคล ทั้งที่เป็นนักการเมือง นักวิชาการ ประชาชน หน่วยงานของรัฐ องค์กรภาคประชาชน เครือข่ายสนับสนุนแบนสารพิษร้ายแรง 686 องค์กร ที่ร่วมกันผลักดันและร่วมกันทำในสิ่งที่ดีงามและเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลที่ไม่อาจจะประเมินมูลค่าได้ ขอให้คุณค่าและความดีที่ร่วมกันทำ ร่วมกันสร้าง จงเป็นเกราะคุ้มกันให้บ้านเมือง ประเทศของเรา พัฒนาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน และขอให้รัฐบาลและภาคส่วนที่ตัดสินในจงเคารพในเจตจำนงของประชาชนที่จะต้องการให้ยกเลิกการใช้สารเคมีอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต อย่างไรก็ตามในระยะเปลี่ยนผ่านขอให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ผลิต เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน