สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) แถลง คัดค้านการแปรรูปทีโอที และกสท.โทรคมนาคมตามมติครน. หลังเสวนา“ผ่าแผนโทรคมของชาติ CAT – TOT วิกฤตหรือโอกาส?..ประเทศไทย”
วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2559 ณ ห้อง CAT CONVENTION HALL บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้จัด โครงการเสวนาทางวิชาการ “ผ่าแผนโทรคมของชาติ CAT – TOT วิกฤตหรือโอกาส?..ประเทศไทย” โดยผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย 1. ดร.พันศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, 2. คุณรสา กาญจนสาย ผู้อำนวยการกองพัฒนารัฐวิสาหกิจ 2 ,3. คุณเดชอุดม ไกรฤทธิ์ กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม และนายกสภาทนายความ, 4. ดร.นุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระ และ5. คุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านพลังงาน
โดยมีการกล่าวถึง หลังรัฐบาลมีความต้องการที่จะแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมให้สามารถแข่งขัน กับบริษัทเอกชน โดยในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติรับทราบแผนการปรับโครงสร้างของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ICT) จะเป็นผู้กำกับให้เกิดขึ้นด้วยการจัดตั้งบริษัทลูก 3 บริษัท เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของ กสท และ ทีโอที ได้แก่ บริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์ภายในประเทศ (NBN CO.) บริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศ (NGN CO.) และบริษัทศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ต (IDC CO.) โดยให้กระทรวง ICT กำกับให้ กสท โทรคมนาคม และ ทีโอที จัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินกิจการของทั้ง 3 บริษัท และดำเนินการสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานของ กสท และ ทีโอที ต่อไป และผลของมติ คนร. ให้ตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งใหม่อีก 3 บริษัท ที่เป็นอิสระและอยู่เหนือการควบคุมของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยแยกทรัพย์สินที่เป็นโครงข่ายหลักและสำคัญออกมา จะทำให้กลุ่มรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสาร มีความเข้มแข็งได้อย่างไร รัฐบาลจะใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือ เพื่อให้บริการสาธารณะและการสร้างรายได้ เพื่อการพัฒนาประเทศ จะประสบปัญหาหรือไม่ คำนึงถึงความมั่นคงของประเทศและประโยชน์ของประชาชน อย่างแท้จริงหรือไม่ การพัฒนารัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสาร ให้เป็นบริการสาธารณะอย่างมีคุณภาพเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างไร และการปรับโครงสร้าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จะแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจได้จริงหรือไม่ ใครจะได้ประโยชน์ จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- ภาครัฐต้องการที่จะลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยกำหนดให้ทางกสท.ทำการสื่อสารระหว่างประเทศ ให้ทางทีโอที สื่อสารภายในประเทศเป็นต้น
- การแบ่งองค์กรเพื่อมีการทำงานที่คล่องตัวมากขึ้น และยังคงเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจอยู่ โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูป
- เป็นการปฏิรูปองค์กรเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุน หากไม่มีการปฏิรูปองค์กรจะอยู่ไม่ได้
- ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรให้สามารถแข่งขันได้ ในเครือข่าย บอร์ดแบร์น อินเตอร์เน็ตได้มากขึ้น
จากมุมมองของนางรสนา โตสิตระกูล จากแนวคิดข้อเสนอจากภาครัฐในการแก้ไขปัญหาด้วยการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมานั้นด้านภาคประชาชนมองว่า อาจเป็นเรื่องของการแต่งตัวเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคงเป็นการสร้างปัญหาใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างที่คิด ด้วยไม่ได้มีการแยกปัญหาจริงๆคืออะไร โดยตนมองว่า ปัญหาอยู่การบริหารที่ขาดระบบส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันกันแบบจริงจังในส่วนของเอกชนกับรัฐวิสาหกิจ จะเห็นได้ว่าเอกชนจากเดิมต้องมาเช่าโครงข่ายจากภาครัฐขณะนี้ได้มีการพัฒนาโครงการของตนเองด้วยการที่รัฐจัดให้มีการประมูลโครงข่ายต่างๆทั้งระบบ 900 ระบบ 3 G 4G ซึ่งในส่วนของรัฐวิสาหกิจโดยรัฐไม่มีสิทธิ์ในการประมูล และรับสัมปทานโครงข่ายที่เดิมเป็นของรัฐ การที่จะตั้งบริษัทแยกออกจากเดิม 2 บริษัทจึงเป็นการแตกตัวเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ใช่หรือไม่
นางรสนายังกล่าวอีกว่า “รัฐไม่ได้แยกเนื้อ กระดูก มัน ออกจากกันเพื่อรีดเอาไขมันไม่ดีออกจากองค์กร เป็นเป็นการคัดเลือกสิ่งดีไปให้เอกชนหรือไม่?” การที่มีบริษัทเพิ่มเป็นการเพิ่มบอร์ดหรือคณะกรรมการบริหาร ถือเป็นการเพิ่มรายจ่าย เพิ่มภาระให้องค์กรหรือไม่เพราะว่าหากเป็นดูตัวเลขการจ้างบอร์ดค้อนข้างสูง จึงเสนอว่าให้กลับมาดูปัญหาจริงของ 2 รัฐวิสาหกิจนี้ โดยเสนอว่า หนึ่งต้องไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ล่วงลูก สองรัฐต้องให้รัฐวิสาหกิจสามารถแข่งขันกับเอกชนได้จริง ด้วยเอกชนตอนนี้ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รัฐต้องส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยประชาชนยังคงต้องการรัฐวิสาหกิจอยู่ในการพัฒนาประเทศและในท้องถิ่นที่ห่างไกลเอกชนไม่เข้าไปพัฒนาอยู่แล้ว รับต้องทำหน้าที่นี้
หลังการเสวนา ทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้แถลง คัดค้านการแปรรูปทีโอที และกสท.โทรคมนาคมตามมติครน.
นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้อ่านแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาดังนี้ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีมติเห็นชอบแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ 2 แห่งคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามที่คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ โดยมี
ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ เป็นประธาน ได้นำเสนอ โดยการแยกทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์โครงข่าย
ของรัฐวิสาหกิจไปไว้ในบริษัทตั้งใหม่ 3 บริษัทร่วมกัน ซึ่งจะมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระจากทั้ง ทีโอที
และ กสท โทรคมนาคม ได้แก่
- บริษัท NGN Co. เพื่อทำหน้าที่ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ
- บริษัท IDC Co. เพื่อทำหน้าที่ให้บริการศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตและบริการของระบบ Cloud Computing
- บริษัท NBN Co. เพื่อให้บริการสื่อสาร โดยมีทรัพย์สินเป็นอุปกรณ์โครงข่ายหลัก (Core Network) และอุปกรณ์โครงข่ายเข้าถึง (Access Network)
และให้รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่ง จัดตั้งบริษัทขายปลีกบรอดแบนด์ โดยนำฐานข้อมูลลูกค้าไปบริหารจัดการดูแล และมีรูปการดำเนินธุรกิจเป็นเอกชน ส่วนรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งให้ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินที่เหลืออยู่ ประกอบด้วย เสา คลื่นความถี่ อาคารชุมสาย อุปกรณ์ชุมสายโทรศัพท์ เท่านั้น
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ก่อตั้งมานับตั้งแต่ปี 2523 จุดยืนและอุดมการณ์ ที่สืบทอดกันมาคือการคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ให้อำนาจ บทบาทแก่กลุ่มทุนนักธุรกิจเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐที่เกิดขึ้นจากภาษีของประชาชน มุ่งหวังแต่เพียงกำไรเพียงอย่างเดียว โดยมิได้ใส่ใจถึงผลกระทบตามที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน ประสบการณ์จากหลายประเทศล้วนแต่นำประเทศเข้าสู่วิกฤตและการเผชิญหน้า เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนทั่วไปยากที่จะเข้าถึงการบริการด้วยค่าบริการที่แพง และเมื่อเข้าครอบครองได้ทั้งหมดก็จะนำไปสู่การผูกขาดในที่สุด นั่นหมายถึง รัฐกำลังหยิบยกผลประโยชน์แห่งสาธารณะให้แก่กลุ่มทุนนักธุรกิจ ซึ่งขัดต่อหลักการธรรมาภิบาลและการเป็นรัฐบาลที่ดี สิ่งที่กล่าวมาในประเทศไทยก็เกิดขึ้นเกือบทุกยุคสมัย จนก่อให้เกิดกระแสการต่อต้านในวงกว้างและนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เห็นว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ให้มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีก 4 แห่ง โดยเป็นอิสระและอยู่เหนือการควบคุมของ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเพื่อการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ตามที่พยายามกล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่กลับทำให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 องค์กร อ่อนแอลง และจะขาดทุนมากขึ้น เข้าข่ายเป็นการทำลายรัฐวิสาหกิจ ด้วยการการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์ออกไป ทั้งอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและฐานข้อมูลลูกค้า และหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีรัฐวิสาหกิจทั้งสองดำรงอยู่ต่อไป ในที่สุดรัฐบาลอาจจะมีมติยุบเลิกกิจการ ทำให้รากฐานการตั้งหน่วยงานของรัฐในการวางโครงสร้างพื้นฐานในการสื่อสารของประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมที่เป็นความมั่นคงของชาติและประชาชน เป็นเครื่องมือของรัฐในการถ่วงดุล และป้องกันการผูกขาดของภาคเอกชน ต้องหมดสิ้นไป ในอนาคตทรัพย์สินในบริษัททั้ง 3 ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สุ่มเสี่ยงที่จะตกไปอยู่ในกลุ่มทุนขนาดใหญ่ยึดครองไปในที่สุด จึงถือเป็นการนำทรัพย์สินของรัฐ ดังเช่น โครงข่ายเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ (เคเบิลใต้น้ำ) และโครงข่ายบรอดแบนด์ภายในประเทศ ไปเอื้อประโยชน์แก่เอกชน โดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงของประเทศ และความสำคัญของรัฐวิสาหกิจ ในการสร้างรายได้เพื่อการพัฒนาประเทศและประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
การกำหนดนโยบายของ คนร. เป็นไปด้วยความเร่งรีบ ไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ สิ่งสำคัญที่สุด หากทั้ง ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ไม่สามารถอยู่รอดในธุรกิจได้ จะส่งผลทำให้พระราชปณิธานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงพระกรุณาสร้างโครงข่ายสื่อสารของประเทศ (เทคโนโลยีสื่อสารในขณะนั้นคือระบบโทรเลขและโทรศัพท์) ในการให้บริการสาธารณะเชิงพาณิชย์เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนของประเทศ ต้องขาดสะบั้นลง
สรส. ยังคงยึดมั่นและพร้อมสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน โดยคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังที่นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำเสมอว่า “การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจจะไม่ให้เกิดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด” และขอยืนยันว่า บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ยังคงมีความเข้มแข็งสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจริงใจในการสนับสนุน
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งตามที่ คนร. เห็นชอบ โดยขอให้รับฟังข้อเสนอแนะของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงาน ผู้ปฏิบัติที่เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่ง แม้ว่านโยบายการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งจะเป็นนโยบายจากรัฐบาลลงสู่การปฏิบัติ แต่หากการแก้ไขปัญหาไม่ได้สะท้อนถึงการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด แม้จะมีการดำเนินการตามแผนที่ได้ให้ความเห็นชอบ จะส่งผลทำให้รัฐวิสาหกิจอ่อนแอลง จนกระทั่งไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ได้ในการบริการสาธารณะและการบริการเชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ของของชาติและประชาชน และเป็นกลไกของรัฐในการลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมอีกต่อไปได้ นับเป็นความน่าเสียหาย หากจะต้องปล่อยให้โครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้องหลุดไปจากการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่ง ซึ่งรัฐต้องใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อสนองนโยบายรัฐในอนาคตได้อีกต่อไป
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จะแสวงหาแนวทางอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องรัฐวิสาหกิจ ทั้งสองแห่งไว้เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐและผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จึงเรียกร้องให้ พนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งประชนชนผู้ใช้บริการ ติดตามการดำเนินการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันปกป้องสมบัติชาติ สมบัติของแผ่นดินเพื่อส่งต่อให้ลูกหลานของเราได้มีชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าสืบต่อไป
นักสื่อสารแรงงาน รายงาน