ประกาศเจตนารมณ์ ผู้หญิงทำงาน สู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

ประกาศเจตนารมณ์

 “ผู้หญิงทำงาน   สู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของทุกคน”

ในวาระการฉลอง ๑๐๐ ปี วันสตรีสากล ๘ มีนาคม (พ.ศ.๒๔๕๔-๒๕๕๔)

แถลงต่อ

ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

โดย  ๓๓ เครือข่ายองค์กรแรงงาน  องค์กรทำงานประเด็นผู้หญิง และองค์กรสิทธิมนุษยชน[i]

๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔     ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

            ๘ มีนาคม ๒๕๔๔ เมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว  คนงานหญิงในภาคอุตสาหกรรมหลายประเทศพร้อมใจกันเดินขบวนแสดงพลัง  เรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรม ลดชั่วโมงการทำงาน และ เพิ่มสวัสดิการ  คือเรียกร้องการทำงานระบบสามแปด“ทำงาน ๘ ชั่วโมง พักผ่อน ๘ ชั่วโมง และแสวงหาความรู้ ๘ ชั่วโมง”  เรียกร้องให้ค่าจ้างหญิงชายต้องเท่ากันในงานประเภทเดียวกัน  ต้องคุ้มครองสวัสดิภาพผู้หญิงและเด็ก และเรียกร้องสิทธิทางการเมืองของผู้หญิง  การแสดงพลังต่อเนื่องจนสหประชาชาติประกาศให้วันที่ 8 มีนา เป็นวันสตรีสากล      

                   “ ๘ มีนา” จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของผู้หญิง   และความเสมอภาคหญิงชาย   ซึ่งหมายรวมถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน  เคียงบ่าเคียงไหล่ชาย  อุดมการณ์ของผู้หญิงจึงเป็นสิ่งดีงามเพื่อทุกคนในสังคม   และควรได้รับการสนับสนุนจากผู้ชายและทุกภาคส่วนในสังคมทั่วโลก

                   ๑๐๐ ปีที่ผ่านมาทั่วโลกต้องยอมรับว่า“ผู้หญิง”คือเพศที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ชาย มีบทบาทส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมให้พัฒนา ในทุกชุมชน  ทุกประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก 

                    แต่วันนี้  ในสังคมไทยที่เชิดชูคุณค่า ”แม่”       ชีวิตจริงของผู้หญิงทำงานส่วนใหญ่ทุกกลุ่มอาชีพ   ยังไม่สามารถทำงานในระบบสามแปดเพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง     เพราะค่าจ้างถูก  ค่าตอบแทนการทำงานที่ไม่เป็นธรรม   ไม่มีสวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ สำหรับเด็กและวัยชรา   รวมถึงการไม่ยอมรับส่งเสริมบทบาทที่สำคัญในการมีสิทธิมีส่วนร่วมตัดสินใจ ทั้งในการจัดการฐานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และในทางการเมืองทุกระดับ

                    กระแสเศรษฐกิจโลกแบบทุนนิยม ยังคุกคามความเป็นมนุษย์ของเพศหญิง  (และผู้มีความหลากหลายทางเพศ )  จนผู้หญิงต้องตกอยู่ในสถานภาพที่เปราะบาง  เสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบ กดขี่ขูดรีด ส่งผลให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องละบ้านเกิดเข้ามาในเมือง หรือย้ายถิ่นข้ามชาติ    เพื่อหารายได้เลี้ยงตนและครอบครัว  เป็นแรงงานในระบบ  แรงงานนอกระบบ และแรงงานในภาคบริการ   รวมทั้งลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานของรัฐ   รวมทั้งผู้หญิงที่ทำงานในบ้าน   ผู้หญิงทำงานทุกคนจึงสร้างคุณค่า     และเป็นพลังฐาน เศรษฐกิจที่สร้างความมั่งคั่งแก่สังคมไทยตลอดมา   

                   ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงทำหน้าที่ของแม่  ของลูกสาว  และภรรยา เป็นผู้ดูแลความอยู่ดีมีสุขของทุกคนในครอบครัว  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก คนชรา คนพิการ  และผู้ป่วย   

                 แต่คุณค่าของผู้หญิงในฐานะคนทำงานที่มีศักดิ์ศรีของมนุษย์เท่าเทียมชาย และในฐานะแม่ที่ดูแลกล่อมเกลาอนาคตของชาติ … กลับถูกมองข้าม  ไม่มีหลักประกันสวัสดิการจากเกิดจนตาย   และไม่มีแม้แต่ศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ  ราคาถูก กระจายเพียงพอทั่วประเทศ และสอดคล้องกับเวลาของผู้หญิงทำงาน   นอกจากนี้ผู้หญิงจำนวนมากยังถูกกระทำจากความรุนแรง  ตั้งแต่ในครอบครัว จนถึงการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน  ต้องประสบอันตราย และความเจ็บป่วยในการทำงาน  

   ๓๓  เครือข่ายองค์กรแรงงานทั้งภาครัฐและเอกชน   องค์กรทำงานประเด็นผู้หญิง   องค์กรสิทธิมนุษยชน และผู้แทนจากหลากสาขาอาชีพ  เช่น  ศิลปิน กวี  นักเขียน  ผู้พิการ  เกษตรกร เครือข่ายชนเผ่า  มุสลิมผู้แทนหญิงจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เกาหลี  ฟิลิปปินส์  เนปาล และกัมพูชา      จึงขอร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ของการเฉลิมฉลอง 100 ปี วันสตรีสากล ๘  มีนาปีนี้  พร้อมกับขบวนผู้หญิงทั่วโลก   เพื่อรำลึกถึงพลังการต่อสู้ของขบวนผู้หญิงที่ไม่เคยท้อถอยหรือหยุดนิ่ง     เพื่อสิทธิความเสมอภาค  ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน

            ข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนร่วมกันต่อสังคมและรัฐบาล  ในโอกาส ๑๐๐ ปีวันสตรีสากล    

                        :    “ผู้หญิงทำงาน   ต้องการคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนเพื่อผู้หญิง และทุกคน”

 

 (๑)   ผู้หญิงทำงานทุกกลุ่ม ต้องได้ทำงานในระบบสามแปดที่แท้จริง   โดยมีระบบสวัสดิการสังคมที่จำเป็นจากเกิดจนตาย  ทั้งแรงงานในระบบ   นอกระบบ   ลูกจ้างภาครัฐ   หญิงบริการ  แรงงานเกษตรและประมง    เพราะค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมและไม่พอเพียง    ทำให้คนทำงานหญิงส่วนใหญ่ต้องอดทนทำงานเกินวันละ ๘ ชม.

      ให้แรงงานหญิงเกษียณจากการทำงานเมื่ออายุ ๖๐ ปี

  •         ยอมรับหญิงบริการ แรงงานนอกระบบ  แรงงานภาคเกษตร และประมง  เข้าสู่ระบบประกันสังคม  โดยรัฐบาลช่วยส่งเงินสมทบในอัตราไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง และให้มีระบบบำนาญประชาชน และให้รัฐตั้งกองทุนเพื่อสวัสดิการสุขภาพและสังคม แก่คนอาชีพบริการ โดย หักจากภาษี ธุระกิจภาคบันเทิง และ การท่องเที่ยว

       ต้องมีมาตรการเด็ดขาดห้ามการเลิกจ้างคนท้อง   ส่งเสริมให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ  ราคาถูก    กระจายทั่วถึงในชุมชน  โรงงาน หน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชน  และจัดเสริมเจ้าหน้าที่บริการดูแลให้สอดคล้องกับเวลาของผู้หญิงทำงานอย่างจริงจัง 

     รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดาในการได้รับสวัสดิการค่าจ้างในช่วงที่ไม่ได้ทำงานเพราะการคลอดบุตร การคุ้มครองสุขภาพแม่และเด็ก โดยให้พ่อมีสิทธิลางานดูแลลูกและแม่หลังคลอดบุตรเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง

 

  •              (๒) ส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับผู้หญิงอย่างมีคุณภาพ    เพราะวันนี้ยังคงมีผู้หญิงที่เจ็บป่วยหรือเสียชีวิตเพราะมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกในอัตราสูง      ทั้งที่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้   ถ้ามีระบบการตรวจสุขภาพที่ครบถ้วน  มีคุณภาพ   บริการฟรีหรือราคาถูก    และเข้าใจผู้หญิง
  •               รวมทั้งส่งเสริมการแพทย์ที่ป้องกันความปลอดภัย  และดูแลรักษาโรคภัยที่เกิดจากการทำงาน  จนถึงระดับสถานีอนามัย เพื่อคุ้มครองดูแลโรคภัยต่อระบบอนามัยเจริญพันธุ์จากสารเคมีภาคเกษตร
  •  
  •           (๓) การคุ้มครองดูแลปัญหาทัศนคติ “เหมารวม”และ “เลือกปฏิบัติ” ต่อผู้หญิง  ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตั้งท้องไม่พร้อม   ความรุนแรงในครอบครัว  การคุกคามทางเพศและถูกข่มขืน  การส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพ-ความก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน  กระบวนการยุติธรรมที่มีอคติทางเพศ   ตลอดจนสิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศ

              (๔) ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมตัดสินใจและวางแผนทุกระดับ  ทั้งกรรมการไตรภาคี    กรรมการองค์กรอิสระ  และ การมีสัดส่วนนักการเมืองหญิงเพิ่มขึ้นทุกระดับ

              ในโอกาสเฉลิมฉลอง ๑๐๐ ปีวันสตรีสากล  ๘ มีนา ๒๕๕๔ 

              วันสตรีสากล คือวันแห่งการรวมพลังต่อสู้   แรงงานหญิงคือผู้สร้างสรรค์โลก

                    เราเรียกร้องระบบสามแปด   สิทธิประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของคนทำงานหญิง

              คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของคนทำงานหญิง   เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของทุกค


 

 


      

[i]๓๓ เครือข่ายและองค์กรร่วมจัดงาน 100 ปี วันสตรีสากล

  1. กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี (WWUG)
  2. กลุ่มเพื่อนประชาชน
  3. กลุ่มศึกษาพรรคการเมืองทางเลือก
  4. คณะกรรมการเครือข่ายพลังสตรีเพื่อการปฏิรูป
  5. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
  6. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
  7. คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)
  8. เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ
  9. เครือข่ายถมช่องว่างทางสังคม (SIRNet)
  10. เครือข่ายผู้หญิงพลิกโฉมประเทศไทย (WREST)
  11. เครือข่ายสหภาพแรงงานสากล (UNI-TLC)
  12. โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย (TLC)
  13. โครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  14. มูลนิธิ 14 ตุลา
  15. มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร
  16. มูลนิธิผู้หญิง(FFW)
  17. มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย  (TLM)
  18. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  (SDFT)
  19. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ
  20. มูลนิธิเพื่อนหญิง (FOW)
  21. มูลนิธิเพื่อแรงงานหญิง (CAW)
  22. มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ เครือข่ายพนักงานบริการ (EMPOWER)
  23. มูลนิธิแอ็คชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นเนล (ประเทศไทย) (ActionAid)
  24. โรงงานสมานฉันท์ (DR)
  25. ศูนย์รณรงค์เพื่อสิทธิแรงงาน

สภาเครือข่ายองค์กรเกษตรกรแห่งประเทศไทย (สค.ปท.)

  1. สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย
  2. สมาคมส่งเสริมสิทธิชุมชนเพื่อการพัฒนา
  3. สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
  4. สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF)
  5. สหพันธ์แรงงานนานาชาติ กิจการเคมีภัณฑ์พลังงานเหมืองแร่และแรงงานทั่วไป (ICEM)
  6. สหพันธ์แรงงานเพื่อกิจการบริการสาธารณูปโภคระหว่างประเทศ (PSI)

                              สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและเครื่องหนังแห่งประเทศ