นายจ้างอ้างขาดทุน เจรจาไม่คืบลูกจ้างนัดชุมนุม

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน 55  สหภาพแรงงานยามาเซอิไทย ได้ชี้แจงผลการเจรจาข้อเรียกร้องระหว่างตัวแทนลูกจ้างกับนายจ้าง ที่หน้าบริษัทว่า  ตามที่สหภาพฯได้ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ประจำปี 2555 ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เพื่อรักษาสภาพการจ้าง และสวัสดิการ ซึ่งครั้งนี้สหภาพแรงงานฯได้ยื่อข้อเรียกร้องกับทางบริษัทฯ จำนวน 21 ข้อ และบริษัทฯได้ทำหนังสือขอนัดเจรจาตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 55 พร้อมทั้งแต่งตั้งตัวแทนเจรจาในเวลา 09.00น.ที่ห้องประชุมของทางบริษัทฯ

โดยทั้งสองฝ่ายได้นำเสนอข้อมูลซึ่งกันและกันโดยทางสหภาพฯได้พูดถึงหลักการและเหตุผลต่างๆ ในการขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ และได้นัดเจรจากันอีกถึง 4 ครั้ง ซึ่งคัวแทนบริษัทฯได้ให้เหตุผลว่า ผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดได้มีการนัดเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555  เป็นนัดครั้งที่5 และยังไม่สามารถที่จะตกลงกันได้เช่นเคย และไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับผลการเจรจาเลย ตัวแทนสหภาพแรงงานฯที่เป็นตัวแทนเจรจาได้ออกมาชี้แจงผลการเจรจาต่อสมาชิกที่ได้มีการนั่งรอฟังคำตอบที่บริเวนหน้าบริษัทฯ ให้รับทราบ ซึ่งต่างแสดงถึงความไม่พอใจบริษัทฯที่ยังไม่ยอมปรับสภาพการจ้างให้ใหม่

ทั้งนี้หนึ่งในสมาชิกสหภาพแรงงานยังกล่าวว่า ทางบริษัทมีการสั่งให้พนักงานทำงานล่วงเวลา เพื่อไม่ให้มานั่งรอฟังผลการเจรจาของสหภาพฯ และยังได้จ้างพนักงานเหมาค่าแรงเข้ามาทำงานแทนพนักงานประจำ ที่ไม่ทำงานล่วงเวลา เป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวแทนบริษัทฯไม่มีความจริงใจ ไม่พยายามที่จะแก้ปัญหาและหาทางออกร่วมกันกับสหภาพฯที่พยายามใช้แรงงานสัมพันธ์ในการเจรจาเพื่อปรับและรักษาสภาพการจ้าง

จากนั้นทางสหภาพแรงงานยามาเซอิไทย ได้ทำหนังสือแจ้งข้อพิพาทแรงงาน ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง และรอฟังวันนัดไกล่เกลี่ยจากทางพนักงานประนอมข้อพิพาทในการหาข้อยุติที่เป็นธรรมให้กับคนงาน และหากไม่สามารถตกลงกันได้ทางสหภาพแรงงานยามาเซอิไทยก็จะจัดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อขอมตินัดหยุดงาน และหาแนวทางเรียกร้องสิทธิที่เป็นธรรมให้กับคนงานต่อไป

นายปิยะวิทย์  คำปิ่น ประธานสหภาพแรงงานยามาเซอิไทย  กล่าวถึงอุปสรรคในการเจรจาข้อรียกร้องในครั้งนี้ว่า  ประเด็นแรกก็คือ เนื่องจากนายจ้างเป็นชาวต่างประเทศ เราต้องใช้ล่ามแปลภาษา ซึ่งคิดว่าทำให้เกิดการสื่อสารกันไม่เข้าใจระหว่างนายจ้างและสหภาพแรงงาน ซึ่งบ้างครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าล่ามแปรสิ่งที่เราเสนอหรือไม่ และไม่เข้าใจว่าส่งที่ล่ามแปลตามนายจ้างเสนอหรือไม่ เป็นประเด็นที่ตั้งคำถาม แต่เราก็ไม่มีทางเลือก และอาจเป็นเหตุผลที่ผลการเจรจาไม่คืบหน้าไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ซึ่งได้ขอให้มีการเปลี่ยนล่ามแปลภาษาในเวลาต่อมา  

ประเด็นต่อมาอาจเกิดจากนายจ้างอ้างแต่ว่า บริษัทฯประสบกับสภาวะขาดทุน ทั้งที่ยอดผลิตเพิ่มขึ้น ยอดการขายพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และที่สำคัญทางบริษัทฯ ยังได้มีการจ้างพนักงานชั่วคราวเข้ามาทำงานแทนพนักงานประจำ โดยออกหนังสือยินยอมการเปลี่ยนแปลงการทำงานมาให้พนักงานประจำเซ็นยินยอมโดยมีข้อความว่า ข้าพเจ้ายินยอมให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการรับพนักงานชั่วคราวเพื่อเข้ามาปฏิบัติงานทดแทนตัวข้าพเจ้า และไม่ติดใจเอาความใดๆกับทางบริษัทฯ ซึ่งการกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการที่จะแก้ปัญหาและหาทางออกร่วมกัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทางนายจ้างไม่ได้ให้ความสำคัญในการสร้างแรงงานสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างละลูกจ้างซึ่งจะนำไปสู่การเป็นบริษัทที่มั่นคงและพนักงานมีสวัสดิการมี่มั่นคงและมีความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคตต่อไป ในเมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ทางสร.จึงตัดสินใจยื่นพิพาทแรงงานดังกล่าว

สำหรับบริษัทฯแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 108 หมู่ 4 ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง ระยอง 21140 เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน และส่วนประกอบของระบบท่อไฮโดรลิค ส่งขายให้กับค่ายรถบิ๊กเนมในประเทศไทยหลายๆยี่ห้อที่ส่งขายทั้งในและต่างประทศ โดยบริษัทฯแห่งนี้มีพนักงานทั้งหมด  448    คน และมีสมาชิกสหภาพฯทั้งหมด 318 คน

กระมนต์   ทองออน นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ข่าวภาคตะวันออก รายงาน