ซากปรัก..บนความขัดแย้ง

20140522_175750

โดย มงคล ยางงาม นักสื่อสารแรงงาน

เมื่อปลายปี2556มีบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือวัดยี่ห้อดังสัญชาติอเมริกัน ได้ใช้สิทธิตามกฎหมายปิดงานต่อสมาชิกสหภาพแรงงานฯและประกาศห้ามคนงานไปเกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมที่ถูกปิดงาน มีคนงานถูกเชือดสังเวยมาตรการนี้ไปเหมือนกัน ในระหว่างปิดงานนี้ทั้งสองฝ่ายก็ใช้ทุกวิถีทางที่จะบรรลุเป้าประสงค์ ลูกจ้างเองใช้ช่องทางร้องเรียนทุกที่ ที่สามารถทำได้เพื่อกดดันให้นายจ้างยอมเปิดใจคุยกันบ้าง แต่ทางนายจ้างและทางฝ่ายจัดการซึ่งมีข้อขัดแย้งส่วนตัวกับฝ่ายลูกจ้างคงไม่ขยับใดๆอีกทั้งยังตั้งเงื่อนไขใหม่ถึง18ข้อ จนวงแตกกลับมาเริ่มต้นใหม่ ฝ่ายราชการเองในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยถึงกับกุมขมับ ใช้เวลากว่า1ปี ฝ่ายลูกจ้างค่อยๆทยอยลาออกเพื่อรับเงินช่วยเหลือที่นายจ้างเสนอให้ คงเหลือลูกจ้างที่ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อขอกลับเข้าทำงานเพียง12คน จนสุดท้ายลูกจ้างยินยอมปฏิบัติตามสภาพการจ้างที่นายจ้างทำไว้กับสหภาพแรงงานที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ปิดประตูทางหนีของฝ่ายนายจ้าง นายจ้างจึงจำเป็นต้องรับทั้ง 12 คนเข้าทำงาน

87-98

เหตุการณ์ก็น่าจะจบด้วยดี แต่วิบากกรรมของทั้ง 12 คน ยังไม่จบ แทนที่จะได้เริ่มทำงานนายจ้างขอเวลาปรับทัศนะคติลูกจ้างข้างในก่อน และก็ต้องปรับทัศนะคติทั้ง 12 คนใหม่ด้วยเพราะเกรงว่าจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ให้พักผ่อนไปก่อนเพื่อรอกำหนดการในการเข้าอบรมโดยยินดีจ่ายค่าจ้างให้ ในระหว่างนี้ทั้ง 12 คนได้หารายได้เสริมด้วยการทำขนมส่งตามร้านค้า ขายเพื่อนๆในบริษัทฯจนมีออเดอร์สั่งซื้อจำนวนมาก มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ไม่นานนายจ้างได้จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานสัมพันธ์ท่านหนึ่งมาอบรม แต่แทนที่ท่านผู้เชี่ยวชาญจะให้ความรู้เพียงอย่างเดียว ท่านยังสวมวิญญาณนักการทูตเจรจาให้ทั้ง 12คน เสนอเงินที่ต้องการแลกกับการลาออกจากการเป็นลูกจ้าง แต่ทั้งหมดยังมั่นใจที่จะทำงานต่อไปได้ นายจ้างจึงนัดวันให้เข้าทำงาน แต่เมื่อเข้าไปทำงานร่วมกับเพื่อน เพื่อนร่วมงานกลับผละงานออกมาโดยไม่เกรงกลัวความผิด เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้น 2 ครั้ง เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลในการเลิกจ้าง

บ่ายโมงวันที่ 13มกราคม 2558 เดือนกว่าๆที่นิติสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างและนายจ้างกลับมาเป็นปกติหลังจากถูกปิดงานมากว่า 1ปี บัดนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างและนายจ้างสิ้นสุดลงแล้วเพราะฝ่ายจัดการที่เคยแสดงฝีมือในช่วงที่ปิดงานจนไม่มีผู้ใดหาญกล้าแม้แต่จะมองและกล้ำกลายเฉียดมาใกล้ผู้ชุมนุม เกิดฝีมือตกไม่อาจจัดการลูกจ้างที่ผละงานต่อต้านเพื่อน12 คนที่ทดลองเข้าร่วมงาน ทั้งที่เมื่อวานยังสั่งซื้อขนมเขากินอยู่เลย นายจ้างบอกเลิกจ้างทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ หลังจากที่ทั้งหมดไม่ยอมเขียนใบลาออก

 

จากกรณีนี้จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งเบื้องต้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ฝ่ายหนึ่งเรียกร้องจากอีกฝ่ายหนึ่ง พัฒนาสู่ความขัดแย้งในเชิงอำนาจ ที่ต่างฝ่ายต่างแสดงออกในอำนาจของตน จนในที่สุดไม่อาจที่จะร่วมงานกันได้ ฝ่ายนายจ้างตั้งธงชัดเจนแต่แรกที่จะไม่รับลูกจ้างที่ถูกปิดงานทั้งหมด โดยยินดีที่จะจ่ายมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ฝ่ายลูกจ้างตั้งธงเพียงกลับเข้าไปทำงานให้ได้ไม่ยอมให้นายจ้างเอาเงินมาฟาดหัว จริงๆแล้วลูกจ้างนายจ้างก็เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน ส่วนความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยทั้งสองฝ่ายถือหลักความสุจริตใจ มองผลประโยชน์องค์กรเป็นที่ตั้งมีการให้อภัยต่อกัน หากไม่หวังเอาการทำลายกันเป็นเป้าหมายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบใดบ้าง ความขัดแย้งก็พัฒนากลับมาเป็นความร่วมมือภายใต้ผลประโยชน์เดียวกันได้ คงไม่มีใครตกงาน และคงไม่มีใครถูกประณาม