คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย “ลุย” “เดินหน้าองค์กรอิสระของรัฐด้านประกันสังคม จะไปทางไหน ทำไมต้องอิสระ”แนวคิด แนวทาง หลักการปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับ 14,264 ชื่อ”
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)ได้จัดเสวนาเรื่อง “เดินหน้าองค์กรอิสระของรัฐด้านประกันสังคม จะไปทางไหน มำไมต้องอิสระ แนวคิด แนวทาง หลักการปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับ 14,264 ชื่อ”ที่ห้องประชุม 35 ปี สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)จตุจักร กรุงเทพฯ โดยมีวิทยากรนำเสวนาประกอบด้วย
1.นายไพโรจน์ พลเพชร อดีตคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.)
2.นายชัยสิทธิ์ สุขสมบูรณ์ อดีตคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.)
3.นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)
4.นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)
5.นายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย ฝ่ายกฎหมาย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)
ดำเนินรายการโดย นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)
วัตถุประสงค์ในการจัดเพื่อให้วิทยากรผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ให้ความเห็นอีกครั้งเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ อันเนื่องมาจากว่าร่างกฎหมายได้ถูกสภาผู้แทนราษฎรสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรตีตกไป แต่ คสรท.และเครือข่ายได้พยายามผลักดันในรัฐบาล คสช.จนมีการเปลี่ยนแปลงและสามารถผลักดันออกมาเป็นกฎหมายและประกาศใช้เมื่อ 20 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นกระทรวงแรงงานก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยจะมีการปรับเปลี่ยนการบริหารงานของประกันสังคมเสียใหม่โดยเฉพาะคณะกรรมการประกันสังคมต้องมาจากการเลือกตั้งของผู้ประกันตนประมาณ 13 ล้านคน แทนการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่ก็ยังถกเถียงยังไม่มีข้อสรุปว่าวิธีการเลือกตั้งจะมีกระบวนการอย่างไรในท่ามกลางข้อกังวลของหลายฝ่าย ส่วนนิยามของคำว่าให้การบริหารงานของประกันสังคมเป็นไปด้วยความอิสระโดยจัดตั้งองค์กรที่เป็นอิสระของรัฐ ให้มีอำนาจในการบริหารจัดการด้วยตัวองค์กรเองอย่างครอบคลุมทุกด้าน โดยไม่ให้อำนาจทางการเมือง ข้าราชการเข้าแทรกแซงนั้น รูปร่าง หน้าตาและโครงสร้างขององค์กรจะเป็นแบบไหนนั้นก็ยังไม่สามารถที่กำหนดได้ ยังถกเถียงกันว่าจะอิสระและมีอำนาจจริงหรือไม่
ต่อมา คสช.ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 โดยมีคำสั่งที่ 40/2558 มีผลบังคับใช้วันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 โดยคำสั่งดังกล่าวให้ยุติบทบาทของคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา คณะกรรมการแพทย์ และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน พร้อมทั้งยุติการดำเนินงานเลือกตั้งและสรรหาคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม(ฉบับที่ 4)โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคมใหม่ทั้ง 3 ชุดทันทีเพื่อให้ดำเนินการปฏิรูประบบประกันสังคมใหม่ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) จึงได้จัดเวทีเสวนาครั้งนี้ขึ้นเพื่อหาแนวทางเพื่อขับเคลื่อนผลักดันต่อไป โดยข้อสรุปจากเวทีเสวนาดังนี้
1. การผลักดัน และขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องของ คสรท.ได้ก่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการประกันสังคมแม้ว่าจะยังไม่บรรลุเป้าหมายสูงสุดก็ตาม ซึ่งจะต้องวางเป้าหมายในการผลักดันต่อไป
2. ที่ผ่านมารัฐ ข้าราชการยังมีแนวคืดอนุรักษ์นิยมสุดขั้วไม่ยอมให้อำนาจหลุดจากมือ และในปัจจุบันได้พยายามรวบอำนาจ กระชับอำนาจ ขยายอำนาจมากขึ้น
3. ดังนั้นจำเป็นต้องทลายอำนาจเหล่านั้นมาเป็นอำนาจของผู้ประกันตน ต้องปรับโครงสร้างประกันสังคมใหม่ทั้งระบบ ทั้งอำนาจการบริหาร การจัดการ และสั่งการ โดยมี เป้าหมายให้ประกันสังคมบรรลุเป้าหมายสามประการ คือ
3.1 เพื่อเพิ่มสิทธิของผู้ประกันตน
3.2 เพื่อขยายผู้ประกันตนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นครอบคลุมผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วน
3.3 ทำให้กองทุนเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกับภาระ ภารกิจที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตามก็มีวามกังวลในบางประเด็นกล่าว คือ
1. การบริหารประกันสังคมเป็นแบบไตรภาคี การได้มาซึ่งผู้แทนอาจไม่สามารถทำให้การปฏิรูปประกันสังคมไม่ก้าวหน้าได้ด้วยประสิทธิภาพของผู้แทน
2. การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตจะมีรูปแบบในการเลือกตั้งอย่างไร จะมีรูปแบและวิธีการในการคัดสรรคนที่มีคุณภาพอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนที่คุณภาพ ประสิทธิภาพ
3. รัฐ และข้าราชการยังคงไม่ยอมให้อำนาจเหล่านั้นกับประชาชน และผู้ประกันตน
ข้อเสนอต่อการขับเคลื่อนของ คสรท.ในอนาคต
1. ให้เตรียมการให้ดีให้พร้อมหลังการเลือกตั้งตามโรดแม๊ปของรัฐบาล
2. เสนอให้สุดโต่งโดยเอาสาระร่างกฎหมาย 14,264 รายชื่อขมวดประเด็นให้ชัด ใช้ทุกช่องทางที่จะสามารถผลักดันได้
3. เตรียมข้อเสนอข้อมูลต่อสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ(สปท.)โดยให้ผู้แทนของเราที่เข้าไปผลักดันอย่างเต็มที่และเสนอต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ
4. ในคณะกรรมการประกันสังคมควรมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอำนาจด้วย
5. คนงาน ผู้ประกันตนต้องทำให้เขารู้ เขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำ เพื่อ
6. ร่วมกันผลักดันอย่างมีพลัง
ในช่วงบ่ายมีการระดมความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมเสวนาถึงแนวทางการขับเคลื่อนโดยมี ข้อสรุปดังนี้
1. คสรท.ต้องชัดก่อนว่าองค์กรอิสระ เป็นองค์กรที่กำกับโดยรัฐที่เราต้องการรูปร่าง หน้าตาควรมีลักษณะอย่างไรเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ชัดทำให้อีกฝ่ายที่พยายามเหนียวรั้งใช้เป็นประเด็นยื้อเวลา
2. มีการเสนอว่าหากจะไปอย่างเร็วๆโดยไม่ต้องแก้ไขอะไรมาก ให้ตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะมีรูปแบบอยู่แล้ว โดยศึกษาข้อดีข้อเสีย เพราะถ้าเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในองค์กรก็จะสามารถตั้งสหภาพแรงงานเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบได้อีกชั้นหนึ่ง โดยการบริหารงาน และที่มาของคณะกรรมการก็เป็นไปตามร่างกฎหมายประกันสังคมฉบับคนทำงาน 14,264 รายชื่อ ถ้าเป็นองค์การมหาชนไม่สอดรับกับภารกิของประกันสังคมและที่สำคัญองค์การมหาชนตาม พ.ร.บ.ไม่อยู่การบังคับใช้กฎหมาย แรงงานสัมพันธ์ และคุ้มครองแรงงาน
3.ให้ประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และเสนอต่อคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญในปัจจุบันโดยกำหนดไว้ในมาตราใดมาตราหนึ่งให้บัญญัติว่า
“มาตรา….ให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่ในการบริหาร จัดการ ประกันสังคมให้มีความโปร่งใส มีระบบธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพ มีประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วม”
สรุปโดย สาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์