คนงานร้องขอใช้สิทธิพลเมือง ตาม รธน. เสนอ สปส.ปรับปรุงคุณภาพบริการ

ลูกจ้างภาคบังคับทั่วประเทศ เรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับปัจจุบันให้สอดคล้องกับสิทธิในฐานะพลเมือง ผู้เป็นเจ้าภาษี ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ลูกจ้างบริษัทกระจกไทยอาซาฮี จำกัด (มหาชน) โรงงานชลบุรี ผู้ผลิตกระจกแผ่นเรียบคุณภาพสูง ตั้งอยู่ใน นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ต.หนองไม้แดง อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี ซึ่งมีคนงานเฉลี่ย อายุงาน 15 ปี ฐานเงินเดือน ประมาณ 15000 บาทต่อเดือน และต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมปีละประมาณ 9000 บาท  ในขณะที่รู้สึกว่าน่าจะได้รับสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลจากรัฐ เหมือนประชาชนทั่วไป ไม่เข้าใจว่า เหตุใดต้องจ่ายเงินถึง 2 ส่วน แล้วยังไม่ได้รับการดูแลจากรัฐ ในฐานะพลเมือง และ ฐานะผู้ประกันตน จาก สปส.อย่างเหมาะสม

นายวิษณุ  เกลียวสีนาค พนักงานควบคุมการจ่ายไฟฟ้าแรงสูงประจำโรงงาน อายุงาน 15 ปี กล่าวว่า ในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าวของแพง ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูงอย่างนี้ การมีหลักประกัน ด้านรักษาพยาบาล ถือเป็นเรื่องที่ดี เงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนในส่วนนี้ 225 บาทต่อเดือนนั้น ไม่มากหรือน้อยเกินไป สามารถจ่ายได้ และเต็มใจ หากได้รับการดูแลจาก โรงพยาบาลในบัตรรับรองสิทธิอย่างดี จากประสบการณ์ตรง ตนเองเคยเข้ารับการรักษาพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ กลับได้รับการแบ่งประเภทผู้เข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างชัดเจน ไร้การเหลียวและดูแลอย่างเหมาะสม เคยร้องขอเข้าพักค้าง เพื่อรอดูอาการที่ตัวเอง รู้สึกได้ว่าแปรปรวน ยังไม่ดีขึ้น กลับได้รับคำตอบว่า ห้องไม่ว่าง ให้กลับไปสังเกตอาการที่บ้าน แต่พอบอกเจ้าหน้าที่ว่า จะไม่ใช้สิทธิผู้ประกันตน จะชำระด้วยเงินสดแทน กลับได้รับการดูแลและห้องพักในทันทีที่กล่าวจบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝังใจตนเองมาโดยตลอด กับมาตรฐานโรงงพยาบาลในระบบประกันสังคม

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันนี้ ตนจะใช้สิทธิสวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทฯ หรือ ชำระเงินสดเท่านั้น จะไม่ใช้สิทธิผู้ประกันตนเลย เนื่องจากกลัว เรื่องมาตรฐานการรักษา ไม่เข้าใจว่า ระบบรักษาพยาบาล ทามกลางกระแสทุนนิยม ต้องอิงกับผลกำไร ขาดทุน จนหลงลืมจรรยาบรรณของผู้ประกอบการด้านการแพทย์ได้ แล้วภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่กำกับดูแล ก็ไม่มีท่าทีที่จะแก้ไขปรับปรุง ทั้งๆที่ลูกจ้างก็เป็นผู้จ่ายเงินสมทบเหมือนกัน ทำให้รู้สึกเสียเงินดังกล่าวโดยเปล่าประโยชน์ หากเลือกได้ก็จะขอไม่เข้าร่วมกองทุนประกันสังคม

นายนิพัทธ์ ถาวโรทยาน วิศวกรอาวุโส อายุงาน 28 ปี กล่าวว่า การบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม น่าจะให้ลูกจ้างและนายจ้างมีสิทธิในการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้วย เพราะเป็นผู้ที่ต้องเข้ารับบริการในฐานะผู้ประกันตน ซึ่งจะรู้และเข้าใจปัญหาการให้บริการมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมิได้เป็นผู้ประกันตน และไม่ได้มีส่วนในการเป็นเจ้าของเงินกองทุนเลย จะถือได้ว่าเงินกองทุนเป็นเงิน ของ ลูกจ้าและนายจ้าง เพียง 2 ส่วนเท่านั้น เพราะเงินสมทบในส่วนของภาครัฐ ก็คือภาษีอากร ของลูกจ้างและนายจ้างที่จ่ายให้รัฐนั่นแหละ

ส่วนกรณีสิทธิการเข้ารับรักษาพยาบาล ตามหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมไม่สามารถใช้สิทธิได้ ในฐานะพลเมืองนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้อง กองทุนดังกล่าว ลูกจ้างมีส่วนเป็นเจ้าของด้วยทั้งสองแห่ง แต่ได้รับสิทธิเพียงแห่งเดียว ซ้ำยังเป็นสิทธิเสมือนประชากรชั้นสองของประเทศ ที่แทบจะไม่มีสิทธิ แม้แต่เพียงแค่สิทธิ ในการรักษาสิทธิของตนเองเลย

พวกเรายินดีที่จะจ่ายภาษีและเงินสมทบ แต่เราก็ควรจะได้รับการดูแลตามสิทธินั้นๆด้วย สิทธิใดที่ 2 กองทุน มีไม่เหมือนกัน ก็เก็บส่วนดีให้คงไว้ ส่วนใดที่ซ้ำซ้อน ให้ควบรวมบริหารจัดการเสียใหม่เป็นสิทธิเดียว ขยายสิทธิประโยชน์ ให้กว้างและลึกกว่าเดิม หรือ อาจจะเปลี่ยนเงินสมทบรักษาพยาบาล เป็นสิทธิประโยชน์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม เช่น เงินสมทบกองทุนออมทรัพย์แห่งชาติ บริหารและปันผลคืนเหมือนสหกรณ์ออมทรัพย์ เพิ่มอัตราส่วนหักในการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในส่วนเงินสมทบประกันสังคม เป็นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30 หรือยกเลิกอัตราเงินสมทบส่วนนี้ลงเพื่อให้ลูกจ้างได้มีรายได้เพิ่มขึ้น และให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแทน

สำคัญที่สุดคือการปรับปรุง และ พัฒนาคุณภาพ การให้บริการแก่ผู้ประกันตน ซึ่งปัญหานี่แหละ คือ ต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นายนิพัทธ์ กล่าวทิ้งทาย

 

นายพีรศักดิ์  สกุลเขียว นักสื่อสารแรงงานภาคตะวันออก ศูนย์ข่าว ชลบุรี-ระยอง รายงาน