ผู้หญิงถักทอโครงข่ายรองรับทางสังคม

Untitled-2 copy

วันสตรีสากล 8 มีนาคม 2556 ณ มหานคร เชียงใหม่ เราเป็นผู้หญิงที่ร่วมถักทอชีวิต ชักโยงความเข้มแข็งและร้อยสานประสบการณ์ร่วมกัน เราแบ่งปันและให้การสนับสนุนกันและกัน ความสมานฉันท์ของเราไม่มีพรมแดนด้านสัญชาติและความแตกต่างด้านชาติพันธุ์ใดๆมาขวางกั้น เราไม่แตกแยกบนความหลากหลายแต่มารวมกันเพื่อเสริมสร้างให้มีพลังมากขึ้น เราประกอบโครงข่ายรองรับทางสังคมของเราเองเพื่อการช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก

แต่เราจะไม่สามารถและจะไม่ทำกันอย่างโดดเดี่ยว เราต้องการระบบความมั่นคงทางสังคมที่มีทั้งรัฐในประเทศและทั้งระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เราต้องการระบบความมั่นคงทางสังคมที่ครอบคลุมถึงผู้หญิงทุกคนและสนองตอบต่อความต้องการของผู้หญิงที่อยู่ในศตวรรษที่ 21
วันนี้วันสตรีสากล 8 มีนาคม 2556 เราเรียกร้องโครงข่ายรองรับทางสังคมที่มิเพียงแต่ปกป้องเราในขณะที่ชีวิตอยู่ในภาวะเสี่ยงและการสูญเสียวิถีชีวิต ไม่ว่าจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากการทำงาน หรือมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แต่เราต้องการระบบที่สามารถให้การสนับสนุนให้เราเติมเต็มศักยภาพสูงสุดที่มี เพื่อมีชีวิตที่มั่งคงและมีความสุขมากขึ้นได้

Untitled-1

เรารู้ว่าความต้องการที่กล่าวมาไกลจากความเป็นจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ ความเป็นจริงที่ระบบความมั่งคงทางสังคมยังแยกผู้หญิงหลายคนให้ออกจากระบบเพราะไม่มีการตระหนักที่ว่างานที่ผู้หญิงทำเป็นงานที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างทำงานในบ้านพนักงานบริการหรือแม่บ้าน งานที่กล่าวมากฎหมายไม่ได้ให้การคุ้มครองและถูกปฏิเสธมิให้เข้าระบบโครงข่ายรองรับทางสังคม

เมื่อผู้หญิงถูกกีดกันมิให้เข้าสู่โครงข่ายรองรับทางสังคม เราก็ยังต้องพึ่งพิงอาศัยพ่อของเรา หรือพี่ชายของเราหรือสามีของเราเราไม่สามารถที่จะมีความมั่นคงอย่างอิสระได้ อนาคตก็จะไม่มั่นคงและล่อแหลม เราไม่สามารถเสี่ยงที่จะไปใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียนหรือเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ เราไม่สามารถที่จะพัฒนาเพื่อเอื้อมไปถึงความฝันที่มีอยู่ได้

เราเรียกร้องการเข้าถึงประโยชน์และสิทธิประกันสังคมที่สามารถเข้าถึงและครอบคลุมทั่วถึงทุกตัวบุคคล เราเรียกร้องการปฏิรูปกฎหมายแรงงานที่รวมถึงการคุ้มครองแรงงานทุกประเภทและแรงงานทุกคนเพื่อให้เข้าถึงประกันสังคมได้

เราตระหนักว่าระบบความมั่นคงทางสังคมจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของทุกคนที่มีต่อระบบ เราสำนึกได้ว่าคนที่สามารถที่จะส่งเงินสมทบได้ ต้องร่วมสมทบเข้าสู่ระบบและเราเชื่ออย่างมากว่าคนที่มีรายได้มากก็ควรที่จะจ่ายเงินสมทบมากขึ้นไปด้วย เราเรียกร้องให้ยุติระบบที่ให้เอกสิทธิ์แก่ผู้ที่มีรายได้มากจ่ายเพียงแค่อัตราสูงสูดที่กำหนดไว้ตายตัวโดยไม่คำนึงถึงรายได้จำนวนมากที่ผู้ประกันคนนั้นได้รับ

ยิ่งกว่านั้น เราเรียกร้องให้มีระบบประกันสังคมที่มิได้คำนวณเพียงการให้การสมทบในทางเศรษฐกิจที่คำนวณได้แต่เพียงอย่างเดียว เราเสนอให้มีการเห็นคุณค่าของการสมทบในรูปแบบอื่นในระบบประกันสังคมด้วย จนกว่าการทำงานบ้านในที่อยู่อาศัยจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับค่าจ้าง การทำงานของแม่บ้านต้องได้รับการพิจารณาว่าเป็นการสมทบเข้าสู่ระบบประกันสังคมและรัฐบาลต้องสมทบในส่วนที่เหลือให้สมบูรณ์ จนกว่าการดูแลเด็กและการดูแลผู้พิการ ผู้ที่เจ็บป่วยหรือผู้สูงอายุโดยสมาชิกในครอบครัวเป็นงานที่ได้รับการจ่ายเงิน การทำงานของผู้ที่ดูแลต้องได้รับการพิจารณาว่าเป็นการสมทบเข้าสู่ระบบประกันสังคมและรัฐบาลต้องสมทบในส่วนที่เหลือให้สมบูรณ์ การสร้างคุณูปการด้านงานศิลปะ วัฒนธรรมและด้านจิตวิญญาณเพื่อการพัฒนาของสังคม ตัวอย่างเช่น ศิลปิน นักแสดงและแม่ชีควรจะได้รับการตระหนักเหมือนกับการสมทบเข้าสู่ระบบประกันสังคม

เราจะถักทอโครงข่ายรองรับทางสังคมด้วยกันกับพี่สาวและน้องชายของเราในรัฐบาล เรายอมรับว่าเราอาจจะต้องการการโน้มน้าวบ้าง ต้องมีการทำให้เราเชื่อมั่นว่าการทุจริตจะไม่เผาผลาญส่วนที่เราสมทบเข้าไปและเราต้องมีแรงจูงใจที่จะเห็นว่ารัฐให้ความสำคัญของประโยชน์ของผู้ประกันตนอย่างยิ่ง เราต้องเห็นว่ามีการปฏิบัติการที่จริงใจที่จะทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราจะได้ประโยชน์ได้จริง

แต่เราจะไม่หยุดการถักทอโครงข่ายของเราเพราะว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของเราจะเปลี่ยนไปและระบบความมั่นคงในสังคมต้องมีการเปลี่ยนและปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย ระบบเศรษฐกิจของเราตอนนี้อาศัยครอบครัวขนาดเล็กที่มีสมาชิกทุกคนที่อยู่ในวัยทำงาน เราต้องการระบบความมั่นคงทางสังคมที่ตระหนักว่าผู้เป็นแม่มีภาระความรับผิดชอบที่มีมากขึ้น เราต้องการระบบที่ให้คุณแม่ได้ลาคลอดที่นานขึ้น มีการจัดให้มีการช่วยเลี้ยงเด็ก เสริมสร้างสถานที่ทำงานที่ให้ความสนับสนุนแม่และเด็ก ตัวอย่างเช่นมีพื้นที่ที่ปราศจากเชื้อโรคที่แม่สามารถให้นมลูกได้ หรือศูนย์เลี้ยงเด็กที่ติดกับที่ทำงาน

เราต้องการระบบความมั่นคงทางสังคมที่ตระหนักว่าชีวิตมีการเปลี่ยนข้ามพรมแดนแบบสมัยใหม่ได้ เราทำงาน เราเคลื่อนย้ายถิ่น เรามีภาระผูกพันที่ต่างกันในหลายประเทศที่เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งเราต้องสามารถที่จะนำประกันสังคมของเราไปใช้ได้ เราต้องการให้รัฐบาลทำข้อตกลงที่จะทำให้เราสามารถใช้สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนข้ามพรมแดนได้

การสร้างโครงข่ายรองรับทางสังคมสำหรับศตวรรษที่ 21 ต้องไม่ใช่การพัฒนาที่จะไม่ให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ของผู้หญิง ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเราที่ปราศจากเรา!