จบแล้ว!ฟูจิตสึ ลูกจ้างเฮ นายจ้างยุติ

หลังจากตัวแทน 10กว่าคนถูกจำคุกในเรือนจำนับ 7 วัน ลูกจ้างฟูจิตสึเคว้ง ร่วมเดินกับคนงานแม็กซิส พิซีบี เฮเมื่อแกนนำถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 16 ก.พ. แต่ยังเจรจาหาข้อยุติไม่ได้ ใครดื้อระหว่าง ลูกจ้างกันนายจ้าง เมื่อต้องมีคำสั่งให้นายจ้างกลับเข้าโต๊ะเจรจานายจ้างเสนอตัวเลขเพื่อที่จะยุติข้อเรียกร้องเพราะไม่อยากปล่อยให้มีความเสียหายมากไปกว่านี้ หลังหันไปใช้ลูกจ้างเหมาค่าแรง นายจ้างจำเป็นที่จะต้องยุติ ลูกจ้างฟูจิตสึลาพี่น้องพิซีบี แม็กซิสกลับเข้าทำงาน 1 มีนานี้

1.  เงินโบนัส 4.2 เดือนเงินบวกพิเศษ 5,000 บาท
2.  การปรับเงินเดือนตัดเกรด 3% – 5% เงินบวกพิเศษ 250 บาท
3.  ค่าฌาปนกิจศพ พนักงาน 10,000 บาท บิดา,มารดา,บุตร,สามีและภรรยา 5,000 บาท
4.  ค่าสุขภาพพนักงานเชื่อมเดือนละ 200 บาท
5.  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 5% ทุกคน

ค่าจ้างจะเริ่มวันที่ 1 มีนาคม 2554 พนักงานจะต้องกลับไปรายงานตัวในวันจันทร์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 ทุกคน แต่จะเข้าทำงานกี่คนนั้นต้องดูก่อน เพราะจะต้องมีการถ่ายเทคนงานออก คนงานที่ถูกถ่ายเทออกคงจะต้องเป็นพนักงานที่มีสัญญาการจ้างงานชั่วคราวแน่นอน! โบนัส 4.2 เดือน รับวันที่ 7 มีนาคม 2554 ส่วนเงินบวกพิเศษ 5,000 บาท รับ 1 สิงหาคม 2554 ข้อตกลงมีอายุสัญญา 2 ปี

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ชุมนุมหน้ากระทรวงแรงงานได้ทำพิธีอำลาให้กับฟูจิตสึที่ได้จบข้อเรียกร้องและกลับเข้าทำงานโดยการประสานมือและร่วมส่งใจ เป็นกำลังใจกันและกันทั้งที่จบและยังไม่จบ ทั้ง 3 โรงงาน ฟูจิตสึ พีซีบี และแม็กซิส ต่างประสานมือ ประสานใจ เพื่อที่จะสู้กันต่อไป มีทั้งคราบน้ำตา รอยยิ้ม โอบกอดกันเพื่อถ่ายทอดแสดงถึงความรัก ความสามัคคี ความเป็นพี่เป็นน้อง ความผูกพันที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์เดียวกัน นั้นคือการถูกละเมิดสิทธิ การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกกดขี่ข่มเหง การจ้างงานราคาถูก

ส่วนของ MAXXIS การเจรจาไม่คืบหน้า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14.00-16.30 น. ได้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงาน โดยมี นางอัมพร  นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานในการไกล่เกลี่ย ซึ่งผลการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ สรุปได้ดังนี้

1.  ผู้แทนสหภาพแรงงานฯเสนอไม่เจรจาเวลาการทำงานจาก 2 กะ เป็น 3 กะ เนื่องจากมีรายได้ลดน้อยลง ขอให้ใช้สภาพการจ้างเดิม ยกเว้นเรื่องใดที่เคยตกลงกันได้แล้วก็ให้เป็นไปตามนั้น และเสนอให้พนักงานประนอมฯใช้อำนาจของรัฐในการยุติปัญหาข้อพิพาทแรงงานดังกล่าวเนื่องจากการเจรจาไม่ได้ผลแล้ว

2.  ผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่ายินดีรับลูกจ้างทุกคนกลับเข้าทำงานในสภาพการจ้างเดิม ส่วนการเจรจาตามข้อเรียกร้องให้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ข้อยุติ และจะนำข้อเสนอของลูกจ้างข้างต้นไปเสนอผู้บริหารต่อไป และจะแจ้งผลในการเจรจาครั้งต่อไปในวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13.30 น.  

พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานนัดทั้งสองฝ่ายเจรจากันอีกครั้งต่อไปในวันจันทร์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม สำนักแรงงานสัมพันธ์ กระทรวงแรงงาน กรุงเทพมหานคร

หลังจากที่คนงานของบริษัท พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัดได้เข้าไปตรวจสอบกับผู้บริหาร ธ.กรุงเทพฯแล้วนั้นก็ได้รับคำตอบและการบริการเป็นอย่างดีจากผู้บริหาร ธ.กรุงเทพฯ และได้เงินจำนวน 6.5 ล้านบาทแล้วอยู่ในบัญชีของเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี ในส่วนของกองทุนสงเคราะห์ที่มาช่วยเหลือลูกจ้างก่อนเป็นจำนวนเงิน 12,800,000 บาท โดยประมาณ และได้ตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามเงินส่วนที่เหลือ ซึ่งยอดจริงๆที่ลูกจ้างจะได้รับมีค่าชดเชย/ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างค้างจ่ายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 61,948,323.94 บาท หากได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์แล้วจะเหลือ 48,611,245 บาท และหัก 6.5 ล้านบาทออกก็คงเหลือ 42,111,245 บาท ซึ่งนายจ้างตัวจริงต้องออกมารับผิดชอบ คือ นายอภิชาต  วิลาศศักดานนท์ นายสุรพงษ์  เกียรติยศนุสรณ์และบริษัท สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด

คณะทำงานเพื่อติดตามผลการดำเนินการบริษัท พีซีบี เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้

1.  นายอิทธิพล  แผ่นเงิน    ตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานสัมพันธ์ ประธานคณะทำงาน
2.  นายสุภัทน์  กองเงิน      ตำแหน่ง นิติกรชำนาญการ          คณะทำงาน
3.  นายประกอบ  พรหมสงค์                                                   คณะทำงาน
4.  นายสมศักดิ์  สุขยอด                                                         คณะทำงาน
5.  นางรุ่งนภา  ศรีเกิด                                                            คณะทำงาน
6.  นายสมภพ  มาลีแก้ว  ตำแหน่ง นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ คณะทำงาน
7.  นายศิริชัย  จันทรสิงห์ ตำแหน่ง นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ    เลขานุการคณะทำงาน

โดยให้คณะทำงานฯ ดังกล่าวนั้น มีอำนาจ ให้คำปรึกษา สนับสนุน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ ติดตามผลดำเนินการ

นักสื่อสารแรงงานได้ถามคนงานว่า ตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไร? นายประกอบกล่าวว่า “ตอนแรกเหมือนมีพันธะ ตราบาป กลัวว่าเพื่อนคนงานจะไม่ได้อะไรถ้าตัดสินใจมาสู้กับเรา แต่วันนี้เหมือนได้ปลดโซ่ตรวนในใจไปแล้วเส้นหนึ่ง แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นความสำเร็จนะ ถ้าตราบใดที่นโยบายของรัฐยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนามากไปกว่านี้ ไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง จากอดีตจนถึงปัจจุบันปัญหาก็ยังเดิมๆซ้ำซาก

นักสื่อสารแรงงานถามต่ออีกว่า ส่วนของเงินที่เหลือจะติดตามจากนายจ้างได้อย่างไร? ในฐานะที่ผมเป็นคณะทำงานเพื่อติดตามผล ผมจะหาทางหามาให้ครบให้ได้ จากการประเมินจากทรัพย์สินของบริษัทฯน่าจะมีเหลือประมาณ 20 ล้านกว่าบาทได้ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มกับออเดอที่นายจ้างโยกไปทำที่อื่นน่าจะได้ถึง 50% นายประกอบกล่าว

อัยยลักษณ์  เหล็กสุข นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์ชลบุรี – ระยอง รายงาน