ทวง งบ 68 พิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล จัดสวัสดิการเด็กเล็ก คนพิการ ผู้สูงอายุถ้วนหน้า

ขบวนเครือข่ายประชาชน ยื่นจดหมายถึง นายกรัฐมนตรี  พิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล จัดงบประมาณปี 68 ให้สวัสดิการกลุ่มเปราะบาง เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงินอุดหนุนสตรีมีครรภ์ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการ ถ้วนหน้า ตามมติคณะกรรมการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

วันที่ 17 มิถุนายน 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) คณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 450 องค์กร เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) เครือข่ายสลัม 4 ภาค และภาคประชาสังคม ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล ทวงถามการยกระดับสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง ในงบประมาณปี 2568 โดยมีนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มารับหนังสือแทน และรับปากในการนำเรื่องเข้าหารือต่อที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อให้ทันต่อการนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 นี้

ผศ.สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กถ้วนหน้า ได้อ่านแถลงข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ว่า กว่า 9 เดือนของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จวบจนกระทั่งการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ได้ตอกย้ำภาวะไร้ทิศทางในการสร้างนโยบายการคุ้มครองทางสังคม การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในปัจจุบันไม่เป็นสิทธิเสมอกันถ้วนหน้า สร้างระบบสวัสดิการอุปถัมภ์เชิงสงเคราะห์ เน้นแนวนโยบายทุนนิยมผูกขาดรวมศูนย์ที่คาดหวังการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดิจิตอลวอลเลต ที่ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้าน ก่อหนี้สินผูกพันจากรุ่นสู่รุ่น ไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว และการแก้ไขวิกฤติการณ์ความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย

ในวันนี้ พวกเราภาคประชาสังคม จึงมาทวงถามการยกระดับนโยบายแนวรัฐสวัสดิการ โดยริเริ่มที่กลุ่มประชากรเด็กแรกเกิด สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ คนพิการ เพื่อให้บรรจุงบประมาณในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หรือให้ประกาศเป็นคำมั่นว่าจะนำงบประมาณมาใช้สำหรับสวัสดิการนี้ เพื่อการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้า สร้างหลักประกันทางรายได้รายเดือนแก่ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตที่คำนึงถึงความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมเป็นธรรมทางสังคม

การยกระดับสวัสดิการโดยการบรรจุงบประมาณปี 2568 จะพิสูจน์ความจริงใจรัฐบาล เนื่องจากเป็นไปตามมติคณะกรรมการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐนำเสนอ ที่มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน จากข้อเสนอการขับเคลื่อนยกระดับสวัสดิการโดยรัฐ ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบางมีผู้ได้รับประโยชน์ 17.26 ล้านคน ประกอบด้วย เด็กแรกเกิด 0-6 ปี 3,267,293 คน สตรีมีครรภ์ 475,874 คน ผู้สูงอายุ 11.38 ล้านคน คนพิการที่มีบัตรคนพิการ 2.14 ล้านคน จะใช้งบประมาณปี 2568 จำนวน 169,500 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณปี 2567 จำนวน 59,310 ล้านบาท ดังนี้

1.          เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด จำนวนเด็ก 0-6 ปี ในปี 2567 มีจำนวน 3,267,293  คน และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เมื่อมีมติให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า 600 บาทต่อคนต่อเดือน จะใช้งบประมาณ จำนวน 23,525 ล้านบาท ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ตั้งเงินอุดหนุนเด็กไว้แล้ว 16,846 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนเด็กเล็กให้ถ้วนหน้าตามมติเพียงประมาณ 6,679 ล้านบาทเท่านั้น

2.          เงินอุดหนุนสตรีมีครรภ์ จำนวนสตรีมีครรภ์ประมาณการเบื้องต้นจากเด็กแรกเกิด   โดยปี 2569 มีประมาณการเด็กแรกเกิด 475,874 คน  จึงประมาณการสตรีมีครรภ์ในปี 2568 จำนวน 475,874 คน ในเบื้องต้น   ดังนั้น ตามมติที่ให้เงินอุดหนุนสตรีมีครรภ์ 5 เดือนๆ ละ 3,000 บาท จะใช้งบประมาณปี 2568 ประมาณ 7,260 ล้านบาท

3.          เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุในปี 2567 ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 -1,000 บาท จำนวน 11.38 ล้านคน เมื่อมีมติให้ปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน แบบถ้วนหน้า จะใช้งบประมาณปี 2568 จำนวน 136,560 ล้านบาท

4.          เบี้ยความพิการ จำนวนคนพิการในปี 2567 ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาท จำนวน 2.14 ล้านคน เมื่อมีมติให้ปรับเพิ่มเบี้ยความพิการให้กับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการทุกคน 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน จะใช้งบประมาณปี 2568 จำนวน 25,680 ล้านบาท

ผศ.สุนีกล่าวอีกว่า นอกจากมติเพิ่มเบี้ยคนพิการแล้วยังมีการเพิ่มค่าตอบแทนแก่ผู้ช่วยคนพิการ จาก 50 บาท/ชั่วโมง เป็น 100 บาท/ชั่วโมง ด้วย

ด้านนายนิติรัฐ ทรพย์สมบูรณ์ เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) กล่าวต่ออีกว่า ตามข้อเสนอดังกล่าวของภาคประชาชนในการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้านั้นยไม่ได้มากมาย ตามมติคณะกรรมการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพียงแต่เพิ่มในส่วนของเด็กที่ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุน เพียงเพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนเด็กเล็กให้ถ้วนหน้าตามมติเพียงประมาณ 6,679 ล้านบาทเท่านั้นให้เป็นสวัสดิการเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า และในส่วนของเบี้ยผู้สูงอายุกับคนพิการเองก็ไม่ได้มีการเพิ่มเบี้ยมานานแล้วท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงเห็นว่าควรมีการปรับเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการช่วยค่าครองชีพเพิ่มอีกเล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่่า ประเด็นการมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ก็เพื่อทวงถามความจริงใจจากรัฐบาลหลังมีมติในคณะทำงานฯร่วมกันแล้วว่าจะมีการเพิ่มสวัสดิการ และจัดสรรงบประมาณภายในปี2568นี้ และกำลังจะมีการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณปี 2568ภายในวันที่ 19-20 มิถุนายน 2567นั้น มีการนำมติที่ตกลงกันเสนอเพิ่มงบประมาณดังกล่าวแล้วหรือยัง ซึ่งแน่นอนนี่เป็นมติร่วมกันแล้วหากรัฐบาลไม่ทำในส่วนของภาคประชาชนก็ต้องมาทวงถามหาความจริงใจอีก ซึ่งอยากให้รัฐบาลสนใจแก้ปัญหาร่วมกันด้วยความจริงใจด้วย

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน