ครม.อนุมัติหลักการปฏิบัติการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ

วันนี้ (28 มีนาคม 2554) เมื่อเวลา 09.00 น.  ณ  ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี

จากนั้นรองศาสตราจารย์ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายศุภชัย  ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายมารุต มัสยวาณิช  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

 เรื่อง  การปฏิบัติการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน  พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

 สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

 1.  กำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม  พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป (ร่างมาตรา 2)

 2. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน  ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนซึ่งมิใช่ลูกจ้าง พ.ศ. 2537 (ร่างมาตรา 3)

 3. กำหนดคำนิยามคำว่า “ผู้ประกันตน” “เงินสมทบ” และ “สำนักงาน” ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น (ร่างมาตรา 4)

 4. กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน  โดยการสมัครเป็นผู้ประกันตนให้แสดงความจำนงต่อสำนักงาน (ร่างมาตรา 5)

 5. กำหนดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเป็นรายเดือนโดยกำหนดให้จ่ายเดือนละครั้ง (ร่างมาตรา 6)

 6. กำหนดให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเดือนละ 100 บาท ได้รับประโยชน์ทดแทน 3 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย  กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย (ร่างมาตรา 7)

 7. กำหนดให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเดือนละ 150 บาท ได้รับประโยชน์ทดแทน 4 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย  กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ (ร่างมาตรา 8)

 8. กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตาย  ให้ทายาทหรือบุคคลที่ระบุไว้มีสิทธิได้รับค่าทำศพ (ร่างมาตรา 12 และร่างมาตรา 13)  

 9. กำหนดให้ผู้ประกันตนซึ่งได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย  กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย หากมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ในกรณีเดียวกัน  ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนได้เพียงกรณีเดียว (ร่างมาตรา 18)

 10. กำหนดให้ในระยะเริ่มแรก  ผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 7 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราเดือนละ 70 บาท  และผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 8 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราเดือนละ 100 บาท  ทั้งนี้ จนกว่าสำนักงานจะประกาศเป็นอย่างอื่น (ร่างมาตรา 20)

 11. กำหนดบทเฉพาะกาลสำหรับผู้ประกันตนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ  ประเภทของประโยชน์ทดแทน  ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนซึ่งมิใช่ลูกจ้าง พ.ศ. 2537 ให้ถือเป็นผู้ประกันตนตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานี้ (ร่างมาตรา 21)
 

บุษยรัตน์  กาญจนดิษฐ์ รายงาน