คลื่นยักษ์สึนามิและ แผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิคส์
จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิและแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียให้กับประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
เนื่องจากเหตการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลให้บริษัทต่างๆผู้ผลิตรถยนต์ และอไหล่ ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมไปถึงบริษัทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีปัญหาในการผลิต บ้างก็เกิดจากผลกระทบเนื่องจากบริษัทแม่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสพภัย โดยตรง แต่บางบริษัท ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่บริษัทซัพพลายเออร์บางบริษัทที่ได้รับผลกระทบมาผลิต ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนโดมิโน ที่มีผลกระทบไปตามๆ กัน
ในประเทศไทยก็เช่นกัน เพราะนับเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิคส์เป็นส่วนใหญ่ โดยการรับจ้างผลิตจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น ผลกระทบจึงเห็นได้ชัดมากกว่าอุตสาหกรรมอื้น ๆ เพราะชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ มีไม่เพียงพอต่อการผลิต
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบกับภาคแรงงานเป็นอย่างมาก เพราะหลักในการแก้ปัญหา คือ การลดต้นทุนของผู้ประกอบการหากไม่มีการผลิต ง่ายที่สุดเป็นอันดับแรกเป็นแรงงานนั่นเอง ผู้ประกอบการมีทางออกให้กับตัวเอง และเอาตัวรอดได้เสมอ แต่ผู้ใช้แรงงานผู้ยากไร้จะมีใครเปิดทางเลือกไว้ให้หรือเปล่าคงยาก เพราะเพียงไม่มีเหตุการณ์ ผู้ใช้แรงงานก็ถูกรังแกกดขี่อย่างเอารัดเอาเปรียบอยู่แล้ว ยิ่งมีเหตุการณ์มาบังหน้าคงยิ่งหนักกว่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันหลายเท่า หลายบริษัทเริ่มที่จะนำมาตรการมาตรา 75 ให้คนงานหยุดงานชั่วคราว เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องของค่าจ้างและสวัสดิการกันซะส่วนใหญ่
บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่หลาย ๆ บริษัทต่างไม่สามารเดินกำลังผลิตได้เต็มกำลัง อันเนื่องมาจากชิ้นส่วนนำเข้าบางตัว ไม่สามารถส่งเข้ามายังไทยได้ หรือมาได้เพียงส่วนน้อย ซึ่งส่งผลต่อการผลิต สมารถผลิตได้เป็นบางวัน และหากิจกรรม หรืองานอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานมีงานทำในช่วงเวลาที่ว่าง แต่หากยังแบกรับภาระไว้ไหว อาจต้องถึงขั้นให้หยุดงานชั่วคราว แต่ทางสภาพแรงงานหลายแห่ง ต่างมีการปรึกษาหารือร่วมกับทางบริษัท เพื่อให้ช่วยเหลือกันเอง และรักษาแรงงานไว้เนื่องจากเป็นแรงงานฝีมือทั้งนั้น
เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นเหตุสุดวิสัย จากภัยธรรมชาติ มิใช่สภาวะทางเศรษฐกิจเหมือกับครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นมาตรการในการช่วยเหลือกันระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ควรเป็นไปในทางที่ดี มิใช่การเลิกจ้าหรือ การตัดค่าแรงเพราะนั้นเท่ากับเป็นการบีบให้แรงงานสู้ภาวะนี้ไม่ไหว และกลับคืนสู่ถิ่นกำเนิดอีกครั้ง จะทำให้หาแรงงานฝีมือได้ลำบากเพราะการไม่มีงาน ไม่ใช่การไม่มียอดสั่งจอง แต่เป็นเพราะปัจจัยอื่นนั่นเอง ดังนั้นจึงควรแก้ไขให้ตรงจุด….
กชกร ขยันกิจ นักสื่อสารแรงงาน ศูนย์สมุทรปราการ รายงาน