อนาถ ! ลูกจ้างประตูเหล็กทับร่าง อาจพิการตลอดชีวิต

ค

ประตูเหล็กขนาดสูงเกือบ 5 เมตร และกว้างถึงเกือบ 9 เมตร ประตูล้มทับคนงาน แพทย์แจ้ง กระดูกสันหลังแตกหักทับไขประสาทใหญ่ กระดูกหน้าแข้งแตก ขาอ่อนแรงไม่มีความรู้สึก อาจต้องเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลง นายจ้างรับจ่ายค่ารักษาทั้งหมดรวมถึงค่าจ้างวันละ 300 บาท

วันที่25 ตุลาคม 2556 คณะทำงานกลุ่มอมตะ-เวลโกร์วสัมพันธ์ได้รับแจ้งจากนายกิตติกุล นพนนท์กุล กรรมการสหภาพแรงงานคอบบร้าฯว่า มีคนงานที่เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานพักอาศัยอยู่ไม่ไกลสำนักงานกลุ่มฯไม่ทราบว่า ได้รับสิทธิตามกฎหมายหรือไม่เนื่องจากมีเพื่อนที่ทำงานในบริษัทที่เกิดเหตุได้ติดต่อประสานลูกจ้างผู้ประสบภัยเพื่อให้ลงไปเยี่ยมเยียนและบอกสิทธิที่ลูกจ้างจะได้จากการบาดเจ็บครั้งนี้

จากนั้นนายมงคล ยางงามเจ้าหน้าที่จัดตั้งศูนย์กลางการจัดตั้งแห่งประเทศไทยประจำกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออกคณะทำงานกลุ่มอมตะ-เวลโกร์วสัมพันธ์และนายกิตติกุลได้ลงไปเยี่ยมนายประยูร อ่อนจันทร์ ลูกจ้างของบริษัทผลิตชิ้นส่วนเข็มขัดนิรภัยในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครผู้ประสบเหตุจนได้ความว่า นายประยูร เป็นลูกจ้างรายวันของบริษัทฯได้ค่าจ้างวันละ300บาททำงานในตำแหน่งจัดส่งสินค้า เพิ่งเข้าทำงานได้ 2 เดือน

วันที่ 8 มิถุนายน 2556 ระหว่างรอเลิกงานออกมายืนหน้าแผนกซึ่งบริเวณติดกันนั้นทางบริษัทได้สร้างห้องสโตร์เก็บของที่ใช้ที่ว่างตรงกลางระหว่างอาคารที่ทำงานกับอีกอาคารหนึ่งมีการติดตั้งประตูเหล็กขนาดสูงเกือบ 5 เมตร และกว้างถึงเกือบ 9 เมตร เพื่อเป็นประตูห้องสโตร์ ซึ่งไม่ทราบว่า ติดตั้งเสร็จหรือยังในขณะที่พนักงานประมาณ 4 คน ได้เลื่อนปิดประตู เขาได้ยินเสียงคนเรียกจึงหันไปดูแต่พอหันกลับมาประตูก็ทับร่างแล้ว ปรากฏว่า แพทย์แจ้งว่า กระดูกสันหลังแตกหักทับไขประสาทใหญ่ กระดูกหน้าแข้งแตก ขาอ่อนแรงไม่มีความรู้สึก อาจต้องเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงมาขณะนี้อยู่ระหว่างทำกายภาพบำบัดซึ่งทางบริษัทฯ ได้จ่ายค่ารักษาทั้งหมดรวมถึงค่าจ้างวันละ 300 บาท เฉพาะที่เป็นวันทำงานและได้ยื่นแบบกท.16 เพื่อรับสิทธิประโยชน์กรณีสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะซึ่งกำลังรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการแพทย์กองทุนเงินทดแทน

นางจำเนียร อ่อนจันทร์ มารดานายประยูร ได้กล่าวว่า “เสียใจมากเห็นลูกอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่อยากจะเชื่อ ฉันขอแค่ให้ลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็พอแล้วไม่ต้องการได้เงินใคร” ด้านนายประยูรกล่าวสมทบว่า “ส่วนผมยอมรับสภาพแต่บางครั้งก็เสียใจผู้บริหารบางคนที่พูดกันต่อหน้าตนว่า ทำไมไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ เขาคิดแต่จะประหยัดโดยไม่คิดถึงชีวิตผมเลย ผมเลยอยากได้เงินสักก้อนเพื่อไปลงทุนที่บ้านที่ จ.น่าน เพราะแม้ได้ค่าจ้างแต่ก็ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 5,800 บาท อีกทั้งเมียก็ไม่อยากทำงานที่นี่อีกแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะให้เท่าไหร่”

ด้านนายมงคลได้แนะนำให้นายประยูรทำเรื่องไปบำบัดที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ จ.ระยองหรือที่ จ.เชียงใหม่ก็ได้เพื่อจะได้ฝึกอาชีพและเข้ารับการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานวงเงิน 20,000 บาท และคงต้องคุยกับนายจ้างเพื่อแจ้งความประสงค์ที่ต้องการเพราะนายจ้างเองได้แจ้งเจตจำนงในการที่จะดูแลลูกจ้างจนตลอดแต่เห็นว่า ยากที่นายจ้างจะดูแลไปตลอดชีวิต คงต้องคุยกันดีๆก่อนหากตกลงกันไม่ได้ค่อยใช้มาตรการทางกฎหมาย

นักสื่อสารแรงงานกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก รายงาน