คสรท.ต้านปรับเพดานจัดเก็บเงินสมทบ เรียกร้องรัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนร้อยละ 5 เท่ากันและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ หากไม่พอคุยกันเรื่องเก็บเพิ่ม ด้านคปค.หนุนเก็บเพิ่มสมทบหวังยามชรา ส่วนสปส.บอกรอแก้กฎหมาย
เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2561 นายสมพร ขวัญเนตร รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อประเด็นการขยายฐานการเพิ่มเพดานเงินเดือน เพื่อจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมว่า เหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการขยายจาก 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท ซึ่งมีผู้ประกันตนอยู่ประมาณ 20% ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะได้อะไร จากการเก็บเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ฐานล่างที่มีผู้ประกันตนอยู่ประมาณ80% ยังต้องรอการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามหลักการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขของระบบประกันสังคมที่มีกำไรจากการลงทุนทุกปีกว่า 50,000-60,000 ล้าน ซึ่งแนวคิดแบบนี้เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำสร้างความแตกต่างจ่ายมากได้มากจ่ายน้อยได้น้อย ข้อเสนอของคสรท.ให้รัฐกลับมาจ่ายสมทบ 5% เท่ากันกับลูกจ้างนายจ้างและนำเงินค้างจ่าย 56,000 มาคืน เพื่อปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน ถ้าทำแล้วไม่เพียงพอค่อย มาคุยกันเรื่องเก็บเงินสมทบเพิ่ม
ด้านสำนักงานประกันสังคม (สปส.)ได้ประกาศเรื่องความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มเพดานเงินเดือนสำหรับเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม โดยต้องมีการแก้พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยหลักการยังเก็บเงินสมทบร้อยละ 5 เท่าเดิม เพียงแต่มีการขยายฐานเพดานคำนวณเงินสมทบจาก 1.5 หมื่นบาทเป็น 2 หมื่นบาท โดยสรุปได้ดังนี้
- คนที่ฐานเงินเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท ก็จ่ายเท่าเดิม คือ 750 บาทต่อเดือน
- คนที่มีฐานเงินเดือน 16,000 บาท จ่ายสมทบเพิ่มเดือนละ 800 บาท
- คนที่มีฐานเงินเดือน 17,000 บาท จ่ายสมทบเพิ่มเดือนละ 850 บาท
- คนที่มีฐานเงินเดือน 18,000 บาท จ่ายสมทบเพิ่มเดือนละ 900 บาท
- คนที่มีฐานเงินเดือน 19,000 บาท จ่ายสมทบเพิ่มเดือนละ 950 บาท
- คนที่มีฐานเงินเดือน 20,000 บาท จ่ายสมทบเพิ่มเดือนละ 1,000 บาท
ส่วนนายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ได้สัมภาษณ์กับมติชนว่า ทางกลุ่มเห็นด้วยกับการจัดเก็บเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ตรงนี้ไม่ได้ไปกระทบกับผู้ประกันตนทั้งหมด แต่จะช่วยเพิ่มให้ผู้ประกันตนมีเงินเก็บยามชรา และเข้าใจว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้ ยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งต้องมีการแก้ไขกฎมายประกันสังคมอีกครั้ง